#DNAjournal EP.13 #DNAbySPU [Learning from feeling :: เรียนรู้… จาก“มวลอารมณ์] คุณพล หุยประเสริฐ
ผู้ก่อตั้งบริษัท H.U.I เเละคอนเสิร์ตดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของประเทศไทย . . อะไรเป็นปัจจัยให้คนธรรมดาก้าวไปสู่จุดสุดยอดในสายอาชีพ ? . . อะไรทำให้ “Barack Obama ” ชนะใจคนอเมริกัน และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกา ทั้งๆ ที่ประสบการณ์ทางการเมืองน้อยกว่าผู้สมัคร John McCain จากพรรครีพับลิกันเกือบสิบปี . . อะไรทำให้ Francis Ford Coppola ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง The Godfather สามารถยกระดับจากภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและการนองเลือด กลายมาเป็นภาพยนตร์ที่ต้องใช้ปัญญาขบคิดใคร่ครวญ และต้องไตร่ตรองเพ่งพินิจอย่างลึกซึ้ง . . “การเล่าเรื่องที่มีประสิทธิภาพและน่าประทับใจ” เปรียบเสมือนบันไดที่จะพาเราไปสู่จุดสูงสุดในสายอาชีพ ยิ่งไปกว่านั้นการนำเสนอที่ยอดเยี่ยม จะเปิดโอกาสให้เราสามารถสร้าง “สภาวะผู้นำ” ที่จะทำให้เราโดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่นๆ . . อย่างไรก็ตาม “การเล่าเรื่อง” เปรียบเสมือนดาบสองคม หากใช้ได้อย่างทรงพลังและน่าประทับใจ ย่อมจะหยุดผู้ฟังและทำให้เขาอยู่กับเราต่อ แต่ถ้าใช้ได้อย่างไม่ถูกต้อง การนำเสนอจะกลายเป็นการสร้างความน่าเบื่อ และจะถูกทอดทิ้งทันที . . ดังนั้นเราจะออกแบบการเล่าเรื่องอย่างไร ? ให้มีคุณภาพที่ยอดเยี่ยม เต็มเปี่ยมด้วยความประทับใจและสามารถผลักดันพฤติกรรมได้ . . หลักสูตร #DNAbySPU ได้รับเกียรติจากคุณพล หุยประเสริฐ ผู้ก่อตั้งบริษัท H.U.I และคอนเสิร์ตดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของประเทศไทย มาให้ความรู้ในหัวข้อ “มวลอารมณ์ออกแบบได้” . . “การเล่าเรื่องที่ดีก็เป็นแค่การบริหารจัดการมวลอารมณ์ที่ดี” เราต้องบริหารให้มวลอารมณ์ไม่อยู่นิ่ง มีจังหวะความเร็วและเคลื่อนไหวแตกต่างกันออกไป และที่สำคัญคือ ต้องระวังอย่าให้มันแตกก่อนเวลาอันควร . . “มวลอารมณ์” คือ พลังงานที่ถูกส่งออกมาจากคนหมู่มาก ผ่านทางสัญญาณต่างๆ ที่แสดงความรู้สึก เปรียบเสมือนเป็นอากาศธาตุหรือเสียงดนตรี ที่เรามองไม่เห็นแต่กลับรู้สึกได้ และส่งผลต่อความรู้สึกอย่างมหาศาล. . . เมื่อเรายกสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูปในงานคอนเสิร์ต นั่นเป็นสัญญาณของมวลอารมณ์ “ความตื่นตา” และเมื่อเรารู้สึกถึงเพลงที่มีจังหวะที่เร้าใจ ทำให้เราอยากลุกขึ้นมาเต้น นั่นคือมวลอารมณ์ของความ “สนุกสนาน” . . มีหลายธุรกิจที่ได้นำแนวคิด “การบริหารจัดการมวลอารมณ์” ไปปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นในโรงภาพยนตร์ที่ใช้การเล่นระดับของมวลอารมณ์เพื่อไม่ให้ผู้ชมลุกไปไหน หรือรายการโทรทัศน์ ที่เล่าการเติบโตของตัวละครผ่านมวลอารมณ์ที่เปลี่ยนไป รวมถึงการนำเสนอสินค้าผ่านคุณสมบัติที่เชื่อมโยงกับมวลอารมณ์ของลูกค้า . . จริงๆ แล้ว “มวลอารมณ์” ไม่ได้มีหน้าที่สร้างความประทับใจอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถทำหน้าที่ตรวจจับข้อมูลทางด้านอารมณ์ของลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งปกติเป็นการยากมากๆในการเข้าถึงอารมณ์ของลูกค้า . . เพราะลูกค้าไม่สามารถบอกเราตรงๆ ได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร? จึงเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่ต้องถอดรหัสมวลอารมณ์ออก โดยผ่านวิธีการสังเกตสัญญาณที่ลูกค้าได้แสดงออกมา แล้วจึงนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดเพื่อสร้างให้ธุรกิจของเราส่งมอบความประทับใจให้ลูกค้าในท้ายที่สุด . . ดังคำพูดของ Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft ได้กล่าวไว้ว่า Your most unhappy customers are your greatest source of learning. ลูกค้าคนที่ไม่แฮปปี้ที่สุด คือแหล่งการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด . . #itsyouYOU . . 🔹🔹 #DNAbySPU2 “COME JOIN THE RIDE” 🔹🔹 www.DNAbySPU.com Speaker #DNAbySPU2 https://goo.gl/XGaKHx . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.13 ต่อยอดจากการบรรยาย หัวข้อ คุณพล หุยประเสริฐ ผู้ก่อตั้งบริษัท H.U.I และคอนเสิร์ตดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของประเทศไทย มาให้ความรู้ในหัวข้อ “มวลอารมณ์ออกแบบได้” #Speaker #DNAbySPU 6 May 2017 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
1 Comment
#DNAjournal EP.12 #DNAbySPU[The magic is in the product :: ชนะใจลูกค้า…ด้วยเวทมนตร์ในตัวสินค้า]9/19/2017 #DNAjournal EP.12 #DNAbySPU[The magic is in the product :: ชนะใจลูกค้า…ด้วยเวทมนตร์ในตัวสินค้า]
คุณภัทรพร โพธิ์สุวรรณ์ Founder and CEO #EventPop . . เราจะลดงบประมาณในการ “ซื้อสื่อ”ลงได้อย่างไร ? . . ในการทำธุรกิจนั้น ถือได้ว่างบประมาณในการ “ซื้อสื่อ” นั้นมีความสำคัญมาก มากซะจนสามารถเป็นปัจจัยในการกำหนดผู้ชนะได้ ถ้าใครเป็นเจ้าของกระบอกเสียงที่ใหญ่กว่า เข้าถึงคนได้มากกว่าและบ่อยกว่า ก็ย่อมมีโอกาสจะเป็นผู้ชนะในสนามธุรกิจ . . และในสมัยนี้ทุกคนใช้ Social media การซื้อสื่อเลยเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น เราต้องหาไอเดียใหม่ๆ ให้ลูกค้าไม่ลืมเรา เช่น ถ้าเดี๋ยวนี่คนหาข้อมูลสินค้าโดยดูจากรีวิว เราเลยต้องจ่ายเงินให้คนรีวิวเพื่อเชียร์สินค้าของเรา หรือต้องสร้างหน่วยงานคอยตรวจตราว่า ในโลกออนไลน์ ตอนนี้ใครเป็นคนที่ได้รับความนิยม เราต้องเข้าไปสนับสนุน net idol หรือเพจที่ได้รับความนิยม เพื่อให้เค้า “ผูก” สินค้าเราเข้ากับสิ่งที่เค้าทำ . . เราเพิ่มหรือย้ายงบประมาณเพื่อให้ลูกค้า “เห็น” เรา และลึกๆแล้วเราหวังว่าเมื่อลูกค้าได้เห็นการดำรงอยู่ของเรา และได้ยินเสียงของเรา ลูกค้าจะเชื่อเราและซื้อสินค้าของเรา . . แต่ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงหรือ ? ทำไมบางธุรกิจถึงได้ใช้งบโฆษณาที่น้อยกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดแต่กลับสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้ ในปี 2009 Apple ใช้งบโฆษณาน้อยกว่างบโฆษณาของ Microsoft เกือบครึ่ง แต่ Apple กลับเป็นผู้ชนะในด้านยอดขาย และเป็น Apple ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก . . ที่มากกว่านั้นบางธุรกิจ เช่น Facebook, Youtube Google หรือ Line ไม่ได้ใช้งบประมาณในการซื้อสื่อเลยด้วยซ้ำ แต่กลับเป็น “สินค้าที่มีแรงดึงดูด” และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ถ้างบประมาณซื้อสื่อคือตัวชี้วัดความสำเร็จ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ ? . . หลักสูตร #DNAbySPU ได้รับเกียรติจาก คุณภัทรพร โพธิ์สุวรรณ์ Founder and CEO, EventPop แพล็ตฟอร์มครบวงจรสำหรับการจัดงาน event มาบรรยายในหัวข้อ “ธุรกิจเริ่มต้นได้จากการเห็นปัญหา” และ การสร้างจุดเด่น การสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจอยู่รอดในตลาดการแข่งขันธุรกิจรูปแบบเดียวกัน . . สิ่งนั้นไม่ใช่ ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะของผู้บริหาร ทีมงาน หรือการวางกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและซับซ้อน แต่เป็นแนวคิดที่ธรรมดาสุดๆ แต่ในความเรียบง่ายนี้แหละที่เต็มไปพลังและมีประสิทธิภาพอยู่ครบถ้วน . . “Product Excellence” หรือ “สินค้าที่เป็นเลิศ” คือแบบแผนที่เปลี่ยนจากผู้ตามเป็นผู้นำได้ในเวลาที่รวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องอาศัยเงินจำนวนมหาศาลในการซื้อสื่อ และเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การมัดใจลูกค้า . . สินค้าทั่วไปจะถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาที่มองเห็นได้ แต่ “สินค้าที่เป็นเลิศ” นั้นจะถูกออกแบบมาเพื่อท้าทายปัญหาที่ลูกค้า “รู้สึกและมองไม่เห็น” . . ในสมัยที่ Apple อยู่ภายใต้การบริหารของสตีฟ จ้อบส์ เขามองว่าถึงแม้โฆษณาจะสร้างสรรค์และดึงดูดเท่าไหร่ แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะถ้าสินค้าไม่ดีจริงลูกค้าจะมาหาเค้าครั้งเดียวและไม่กลับมาอีกเลย ดังนั้นเขาจึงบริหารและจัดสรรงบประมาณใหม่ โดยดึงงบประมาณในส่วนของการโฆษณา ย้ายมาเป็นงบประมาณในการ “พัฒนาผลิตภัณท์” ภายใต้โจทย์ที่ท้าทายทีมงานทีมงานอย่างมากคือ “เพื่อสร้างคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด” . . “เราไม่ได้สร้างบริการนี้เพื่อหาเงิน แต่เราสร้างเงินจากบริการที่เป็นเลิศ” (we don’t build services to make money; we make money to build better services.) เป็นคำกล่าวของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก นักธุรกิจชาวอเมริกันผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Facebook ในการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในปี 2555 เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนว่าเงินที่ได้จากนักลงทุนนั้นจะนำไปสร้างผลิตภัณท์ที่จะผลิดอกออกผลในระยะยาว . . และเมื่อลูกค้ารู้สึกได้ถึง “สินค้าที่เป็นเลิศ” ลูกค้าจะค่อยๆบอกต่อเรื่องราวนี้ออกไปสู่เพื่อนคนอื่น และบอกต่อคนอื่น ในวงที่กว้างขึ้น และ กว้างขึ้นเรื่อยๆ เพราะสินค้านี้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาได้ จึงน่าจะเปลี่ยนแปลงชิวิตของเพื่อนเขาได้เช่นกัน . . แนวความคิดสินค้าที่เป็นเลิศ นั้นเป็นเรื่องที่ดีและจำเป็นต่อการเติบโต แต่ทว่าเราไม่สามารถจะบอกกับตัวเองได้ว่า สินค้าของเราเป็นเลิศแล้ว มีเพียงแต่ “ข้อเสนอแนะ” จากลูกค้าเท่านั้น ที่จะนำทางเราสู่การสร้างสินค้าที่เป็นเลิศอย่างแท้จริง . . ดั่งคำพูดของเคน บลังชาร์ด นักเขียนชาวอเมริกันและผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างภาวะผู้นำ ที่ ได้กล่าวไว้อย่างทรงพลังว่า Feedback is the breakfast of champions.ข้อเสนอแนะนั้น…คืออาหารเช้าของผู้ชนะ . . อ้างอิง : http://www.businessinsider.com/samsungs-gigantic-ad-budget-in-context-2013-4, https://www.forbes.com/sites/larrymagid/2012/02/01/zuckerberg-claims-we-dont-build-services-to-make-money/#5d74febe2b11 . . #itsyouYOU . . 🔹🔹 #DNAbySPU2 “COME JOIN THE RIDE” 🔹🔹 www.DNAbySPU.com Speaker #DNAbySPU2 https://goo.gl/XGaKHx . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.12 ต่อยอดจากการบรรยาย ของคุณภัทรพร โพธิ์สุวรรณ์ Founder and CEO, EventPop แพล็ตฟอร์มครบวงจรสำหรับการจัดงาน event มาบรรยายในหัวข้อ “ธุรกิจเริ่มต้นได้จากการเห็นปัญหา” และ การสร้างจุดเด่น การสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจอยู่รอดในตลาดการแข่งขันธุรกิจรูปแบบเดียวกัน #Speaker #DNAbySPU 29 April 2017 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal EP.11 #DNAbySPU [Next station “VDO content” :: สถานีต่อไป VDO content] คุณอาทิตย์ ธำรงธัญวงศ์ พิธีกรรายการ เกาเหลาไอที . . กาลิเลโอ กาลิเลอิ นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ได้กล่าวไว้ว่า “You cannot teach a man anything; you can only help him to find it within himself.” เราไม่สามารถจะสอนใครได้ เราทำได้เพียงช่วยให้เขาค้นพบศักยภาพที่อยู่ในตัวของเขาเท่านั้น . . ย้อนกลับไปวัยเด็ก วัยที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญและจินตนาการ วัยที่เรามีแรงเหลือเฟือสำหรับรองรับศักยภาพที่หลากหลาย ทุกวันคือการเริ่มต้นการผจญภัยใหม่ๆที่ไร้การสิ้นสุด . . ในวัยเด็กนั้น จะเป็นวัยที่เราซื่อสัตย์ต่อความฝันของตนเองมากที่สุด เราหลายคนอยากเป็น “คนดังและมีชื่อเสียง” เราอยากเป็นนักร้อง นักกีฬา ดารา เพราะเรายังไม่รู้จักโลก เราไร้เดียงสาและอ่อนโยนเกินกว่าจะเข้าใจในความหมายของข้อจำกัด . . พอเราโตขึ้น สายตาเราเริ่มเห็นได้มากขึ้น เรามองเห็นโลกในมุมที่กว้างขึ้นแต่มีโลกทัศน์ที่แคบลง ในระหว่างทางเราเริ่มเรียนรู้ว่า การจะเดินตามความฝันในวัยเด็กนั้นมันเป็นเรื่องไปไม่ได้ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ยากแสนยาก เราบางคนจึงเลือกจะปิดผนึกความฝันในวัยเด็กไว้ และเก็บรักษาไว้ในมุมหนึ่งมุมใดในสมองของเรา . . อย่างไรก็ตามด้วยสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยีอันทันสมัย บวกเข้ากับพื้นที่ที่ไม่ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ต่อสังคม สามารถกู้ความฝันในวัยเด็กให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง . . หลักสูตร #DNAbySPU ได้รับเกียรติจากคุณอาทิตย์ ธำรงธัญวงศ์ พิธีกรรายการ เกาเหลาไอที มาให้ความรู้ในหัวข้อ “ในยุคดิจิตอล VDO Content สำคัญอย่างไร” . . ตอนนี้สิ่งที่เราทำ หรือพวกเราคนใดคนหนึ่ง สามารถกลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมได้ ภายในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน เพียงเรามีความกล้าหาญที่จะเล่าเรื่องราวที่เราอยากจะเล่า และเปล่งเสียงออกมาในรูปแบบของวีดีโอ . . เราทุกคนคือผู้กำกับ เราทุกคนคือผู้สร้าง ผู้ที่รังสรรค์เรื่องราวให้มีชีวิตและจับต้องได้ เราไม่ต้องมีใครให้ไฟเขียวกับวีดีโอของเราอีกต่อไป เพราะตอนนี้ Social media พาเราทลายกำแพงจากข้อจำกัดนั้น ไม่ต้องมีใครมาบอกว่าว่าวีดีโอที่เราทำดีหรือแย่ สร้างสรรค์หรือใช้ไม่ได้ เราสามารถตอบได้เองด้วยจิตวิญญาณ และส่งวีดีโอนั้นไปสู่สายตามหาชนได้ทันที . . ในช่วงเวลานี้กล้อง งบประมาณ คุณภาพการถ่ายทำ ทีมงาน รวมถึงความผิดพลาดไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย เพราะใจความอยู่ที่ “การเรียกร้องความสนใจ” นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าวีดีโอชิ้นนั้น “เรียกร้อง” เราสำเร็จ และมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เรา “สนใจ” เราก็พร้อมจะมองข้ามรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนั่นไป . . จริงๆแล้วการเล่าเรื่องราวผ่าน VDO content นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย เพราะประวัติศาสตร์การเล่าเรื่องมีการพัฒนามาโดยตลอด เพื่อให้เหมาะสมกับจังหวะและช่วงเวลาตั้งแต่การวาดเรื่องราวการล่าสัตว์บนผนังถ้ำจนถึงวาดเรื่องราวส่วนตัวบนกำแพงเฟซบุ้ค . . เรื่องราวต่างๆไม่ได้เปลี่ยนไป เพียงแต่ถูกนำมาเล่าใหม่ โดยผ่านกระบอกเสียงที่เรียกว่าเทคโนโลยี ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่จะหยิบฉวยช่วงเวลานี้ไว้ โอกาสที่จะทำให้สินค้ามีชีวิต มีเรื่องราวและเชื่อมโยงเข้ากับจิตใจลูกค้า เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าใจวัฒนธรรมของเราและรักเรามากขึ้น . . ดั่งคำกล่าวของ เฟร็ด โรเจอร์ส นักเล่านิทานและพิธีกรรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กชาวอเมริกัน กล่าวว่า “Frankly, there isn’t anyone you couldn’t learn to love once you’ve heard their story, “ไม่มีทางที่เราจะไม่รักใคร เมื่อเราได้รับฟังเรื่องราวของเขา” . . อ้างอิง : : https://en.wikipedia.org/wiki/Fred_Rogers . . #itsyouYOU . . 🔹🔹 #DNAbySPU2 “COME JOIN THE RIDE” 🔹🔹 www.DNAbySPU.com Speaker #DNAbySPU2 https://goo.gl/XGaKHx . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.11 ต่อยอดจากการบรรยาย ของคุณอาทิตย์ ธำรงธัญวงศ์ พิธีกรรายการ เกาเหลาไอที มาให้ความรู้ในหัวข้อ “ในยุคดิจิตอล VDO Content สำคัญอย่างไร” #Speaker #DNAbySPU 29 April 2017 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง หลักสูตร DNAbySPU #DNAjournal EP.11 ,คุณอาทิตย์ ธำรงธัญวงศ์ พิธีกรรายการ เกาเหลาไอที ,Next station “VDO content” ,สถานีต่อไป VDO content ,คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#DNAjournal EP.10 #DNAbySPU [World changing We improving :: เมื่อโลกเปลี่ยน...เราต้องปรับ]9/18/2017 #DNAjournal EP.10 #DNAbySPU
[World changing We improving :: เมื่อโลกเปลี่ยน...เราต้องปรับ] คุณศุภกานต์ วงศ์แก้ว ภัณฑารักษ์ ปกติศิลป์ ผู้ปั้น 'ราชบุรี' . . ในโลกยุคดิจิตอล เราสามารถค้นหาคำตอบให้กับปัญหาหลายต่อหลายอย่าง ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว แต่กลับเป็นเรื่องยากในการทำความเข้าใจลูกค้าของเรา และยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกในการทำการสื่อสารการตลาด (Marketing communication) . . ในอดีตลูกค้าของเรา จะต้องรับข้อมูลข่าวสารต่างๆผ่านทาง “สื่อหลัก” เท่านั้นซึ่งมีอยู่ไม่กี่อย่าง เราจึงเริ่มมีแนวคิดในการ “พูดแทรก” ขึ้น เราแทรกตัวลงไปกับข้อมูลข่าวสารความเป็นไปของโลกและสังคมที่ลูกค้ารอที่จะรับรู้ . . เราจึงใช้ความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคต่างๆพัฒนาภาพยนตร์โฆษณาที่จูงใจแต่แฝงด้วยความตลก ประทับใจ เศร้า หรือสนุกสนาน เราใช้คนมีชื่อเสียงโพสท์ท่าหล่อๆสวยๆในหนังสือพิมพ์ ใช้เสียงโฆษกสุดแสนไพเราะบนวิทยุ เราพยายามเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์และหวังว่าลูกค้าจะจำเราได้ . . แต่วันนี้ไม่ใช่อย่างนั้น อดีตอันหอมหวานได้ผ่านไปแล้ว เทคโนโลยีและสมาร์ทโฟนได้ทำให้กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบเก่าไปสู่จุดจบ . . ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนั้น ทำให้ลูกค้าของเรามีพลังและตัวใหญ่ขึ้น วันนี้ลูกค้าของเรามีความเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดสร้างสรรค์ และที่สำคัญชอบจะ “พูด” มากกว่า “ฟัง” . . เมื่อไหร่ที่เรา “พูดแทรก” ลงไปในข่าวสารที่ลูกค้าต้องการรับรู้ จนลูกค้าของเราเกิดความรำคาญและรู้สึกไม่พอใจ ลูกค้าของเราจะลงโทษเรา ไม่ใช้ด้วยไม้เรียวแต่โดยการบล็อกและมองข้าม ซึ่งร้ายแรงกว่าการไม่สนใจเสียอีก . . และบางครั้งถ้าเราพูดแทรกบ่อยๆจน “ล้ำเส้น” ลูกค้าจะใช้สมาร์ทโฟนโทรชวนเพื่อนของลูกค้ามาลงโทษเราอีกด้วย ดังนั้นเราทำตัวเหมือนในอดีตไม่ได้ แบบนั้นมันหมดสมัยไปเสียแล้ว . . อย่างไรก็ตามการสื่อสารการตลาดนั้นก็เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในการแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจของเรา ดังนั้นเราต้องทำอย่างไรไม่ให้ลูกค้าปฎิเสธเรา ? . . หลักสูตร #DNAbySPU ได้รับเกียรติจาก คุณศุภกานต์ วงศ์แก้ว ภัณฑารักษ์ ปกติศิลป์ ผู้ปั้น 'ราชบุรี' ให้มีชีวิตผ่านพื้นที่ศิลปะชุมชนโดยใช้เมืองทั้งเมืองให้เป็นเหมือนผืนผ้าใบ มาแนะนำวิธีในการทำการสื่อสารการตลาดที่ทันสมัย สนุกสนานแต่ทรงพลัง . . User-Generated Content หรือ “เปิดพื้นที่ให้ลูกค้าร่วมกันสร้างเนื้อหา” เป็นเสมือนการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างลูกค้าเราและธุรกิจของเราเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้เรื่องราวของเขาเดินทางไปพร้อมกับเรื่องราวของเรา . . ด้วยแนวคิดที่ว่า “ไม่มีใครถ่ายทอดความงดงามของพื้นที่ราชบุรี ได้ดีไปกว่าคนในพื้นที่ราชบุรีเอง” จึงได้ให้ศิลปินมืออาชีพทำหน้าที่เหมือนที่ปรึกษา และผลักดันศักยภาพให้คนในพื้นที่สร้างงานศิลปะขึ้นมา เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้สึกต่างๆ ให้คนภายนอกได้รับรู้ โดยไม่ต้องทองทิ้งตัวตน . . ซึ่งวิธีคิดแบบ “เปิดพื้นที่ให้ลูกค้าร่วมกันสร้างเนื้อหา” นี้มีความคล้ายคลึงกับพฤติกรรมของมนุษย์ในเนื้อหาของ “เศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรม” (Behavioral Economics) ซึ่งสรุปว่ามนุษย์นั้นไม่ได้ใช้เหตุและผลในการตัดสินใจ แต่ใช้อารมณ์และพื้นฐานทางจิตวิทยาเป็นตัวกระตุ้นในการตัดสินใจต่างหาก . . จริงๆแล้วเรานั้นให้ความสำคัญกับการ”ไปถึงจุดหมาย” มากกว่า “ตัวจุดหมาย” เอง เรามีความสุขกับการต่อสู้ ในสิ่งที่ท้าทาย อุปสรรค และข้อจำกัดต่างๆ และถ้าเราได้จุดหมายมาครอบครองอย่างยากลำบากและตะเกียกตะกายเรากลับมีความสุขและสนุกมากกว่าการเดินไปง่ายๆเพื่อคว้าจุดหมายมาไว้ในครอบครอง” . . และวิธีคิดนี้ไม่ได้เหมาะสมกับการทำสื่อสารการตลาดเพียงอย่างเดียว จริงๆแล้วมีผู้ประกอบการมากมาย ได้นำวิธีคิดนี้ ไปใช้กับการผลิตสินค้าอีกด้วย . . ผู้ผลิตจะเตรียมสินค้าที่ “ทำเสร็จแค่ครึ่งเดียว” ไว้แล้ว ส่งมอบที่เหลือให้ “ผู้ซื้อ” นั้นทำต่อ เช่น แป้งเค้ก Imperial ที่ต้องใส่ไข่ไก่และวัตถุดิบผสมลงไปถึงจะสมบูรณ์แบบ ตุ้กตาโมเดลของเล่นหรือที่รู้จักกันในนาม “พลาโม” ของบริษัท Bandai ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่แยกมาเป็นชิ้นๆเพื่อให้สามารถมาประกอบที่บ้านเองภายใต้ยี่ห้อ IKEA หรือแม้แต่ Lego ของเล่นที่เสริมพัฒนาการการเติบโตของกล้ามเนื้อมัดเล็กและจินตนาการในสมองของเด็กอายุ1ขวบครึ่งขึ้นไป . . ซึ่งวิธีคิดนี้เรามักรู้จักกันในนาม DIY หรือ Do It Yourself เป็นการสร้างให้เรา “มีความสุข”ระหว่างทำ ถึงแม้ว่าปลายทางรูปร่างจะดูไม่ได้เลยก็ตาม . . บางคนมองว่า User-Generated Content เป้นเหมือนการปฏิเสธและปิดประตู แต่อยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการอย่างเราๆมองว่าเป็นการเชิญชวนมากกว่า เชิญชวนสู่ภาษาของเรา วัฒนธรรมของเรา และธุรกิจของเรา . . ดั่งคำพูดของเบนจามิน แฟรงคลิน ผู้มีผลงานโดดเด่นในด้านวิทยาศาสตร์และการเมือง จนได้ปรากฏในธนบัตรของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวไว้ว่า Tell me and I forget. Teach me and I remember. Involve me and I learn. “บอกฉัน ฉันจะลืม สอนฉัน ฉันจะจำ แต่ถ้าให้ฉันได้ทำ ฉันจะเรียนรู้” . . อ้างอิง : https://www.behavioraleconomics.com/introduction-to-be/. . . #itsyouYOU . . 🔹🔹 #DNAbySPU2 “COME JOIN THE RIDE” 🔹🔹 www.DNAbySPU.com Speaker #DNAbySPU2 https://goo.gl/XGaKHx . หมายเหตุ : 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.10 ต่อยอดจากการบรรยาย ของคุณศุภกานต์ วงศ์แก้ว ภัณฑารักษ์ปกติศิลป์ ผู้ปั้น 'ราชบุรี' ให้มีชีวิตผ่านพื้นที่ศิลปะชุมชนโดยใช้เมืองทั้งเมืองให้เป็นเหมือนผืนผ้าใบ #Speaker#DNAbySPU 22 April 2017 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal EP.9 #DNAbySPU
[Desire for service to “Service design” :: จากความปรารถนาในบริการ สู่ “การออกแบบบริการ”] สิรโสมย์ บริสุทธิ์สุวรรณ์ Co-Founder และ CEO, U Drink I Drive . . เราจะสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจบริการได้อย่างไร ? . . “Differentiate or Die” หรือ “ไม่ต่างก็ตาย” เป็นวลีที่แจ๊ค เทราท์ (Jack Trout) ปรมาจารย์ด้านการตลาดได้กล่าวไว้ และเป็นชื่อหนังสือของเขาซึ่งถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 2000 เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จัดว่าเป็นสุดยอดคัมภีร์การตลาดเลยทีเดียว . . “ไม่ต่างก็ตาย” เป็นวิธีคิดที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง หากเราไม่มีความแตกต่าง เราก็จะไม่มีความโดดเด่นในสนามแข่งขัน เมื่อเราไม่โดดเด่นเราก็จะปราศจากอาวุธ และกลายเป็นผู้พ่ายแพ้เพราะเราไม่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้ . . เราจึงออกแบบผลิตภัณฑ์และรูปโฉมร้านค้าเพื่อให้แตกต่างจนลูกค้าสัมผัสได้ เราใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ตั้งแต่พรมเช็ดเท้าจนถึงอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ เราพยายามสร้างความประทับใจในทุกมิติเพื่อหวังว่าลูกค้าจะได้รับ “ประสบการณ์ชั้นดี” จากการบริการของเรา . . แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เรากำลังดิ้นรนสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงรึเปล่า ? เพราะโดยเนื้อแท้แล้วลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่ “ประโยชน์ใช้สอย” หรือ “รูปลักษณ์” ของบริการเท่านั้น แต่พวกเขาต้องการ “ประสบการณ์” ที่จะเติมเต็มความต้องการในชีวิตของพวกเขา . . หรือเปลี่ยนให้เป็นคำถามที่ง่ายกว่านั้น “เราต้องทำอย่างไรถึงจะสื่อแนวคิดของเราไปถึงประสบการณ์ของลูกค้าได้ ?” . . หลักสูตร #DNAbySPU ได้รับเกียรติจากคุณสิรโสมย์ บริสุทธิ์สุวรรณ์ Co-Founder และ CEO, U Drink I Drive บริการพนักงานขับรถส่วนตัวที่มาให้ความรู้ในหัวข้อ “เพราะ Service Mind สำคัญในธุรกิจบริการ” ดำเนินการสัมภาษณ์โดยพิธีกรรับเชิญ คุณเปอร์-สุวิกรม อัมระนันทน์ . . กลยุทธ์ที่ U Drink I Drive ใช้ในการถ่ายทอดแนวคิดไปสู่ประสบการณ์ของลูกค้าคือ “การออกแบบบริการ” หรือ Service Design ซึ่งเป็นการนำเอาข้อมูลของลูกค้า มาทำความเข้าใจและแปลงข้อมูลตัวเลขให้เป็นอารมณ์ของมนุษย์ แล้วจึงนำไปออกแบบบริการให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้องตามความต้องการ . . ซึ่งการออกแบบบริการนั้นมีกระบวนการออกแบบ 3 ขั้นตอนคือ 1. สำรวจและเก็บข้อมูล 2. สร้างแนวคิดงานบริการ 3. นำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาต่อยอด และต้องทำซ้ำไปมาอยู่เรื่อยๆ เป็นวงกลมที่ไม่รู้จักจบสิ้น เพื่อพัฒนาไปสู่การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า . . ในขั้นตอนแรก U Drink I Drive กำเนิดจากการสำรวจของลูกค้าระดับบนที่มีไลฟ์สไตล์กิน-ดื่ม-เที่ยว และเป็นเจ้าของรถยนตร์ส่วนตัวราคาแพง ลึกๆแล้วลูกค้ากลุ่มนี้ มักจะไม่ได้วางแผนไว้ก่อนว่าคืนนี้ต้องไปดื่มสังสรรค์ที่ไหน แต่บังเอิญต้องไปงานสังสรรค์เพื่อเข้าสังคม และอาจเผลอดื่มจนมีอาการมึนเมา แต่ไม่อยากขับกลับเพราะมีความรับผิดชอบต่อสังคม ถ้าจะให้ทิ้งรถไว้ก็กลัวจะไม่ปลอดภัย . . เมื่อได้ทาบข้อมูลแล้ว U Drink I Drive จึงออกแบบประสบการณ์ “ท่านเมา…เราขับให้” โดยให้บริการคนขับรถที่ดูแลลูกค้าตั้งแต่หน้าร้าน และขับรถพากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ด้วยกำหนดความเร็วที่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทันทีที่ขึ้นรถจะมีบริการผ้าเย็นและน้ำดื่มบริการ อาจจะฟังเหมือนธรรมดา แต่สิ่งเล็กๆน้อยๆแบบนี้แหละที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี . . ในขั้นตอนสุดท้าย U Drink I Drive จะโทรไปสอบถามลูกค้าถึงประสบการณ์การใช้งาน เพื่อนำมาวิเคราะห์ปรับปรุงรูปแบบการบริการและสร้างความ สะดวกและความพึงพอใจให้เกิดขึ้นสูงสุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการออกแบบบริการจะกลายเป็นมาตรฐานบริการ (Service Standard) ที่บริษัทจะใช้เป็นมาตรฐานในการให้พนักงานปฏิบัติตาม เพื่อส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้าคนต่อไป . . การออกแบบบริการ (Service Design) จึงถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่มีส่วนสำคัญ อย่างยิ่งในการกำหนดอนาคตของธุรกิจ และการสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจบริการ รวมถึงพัฒนาศักยภาพของธุรกิจเราว่ายังมีอะไรที่ขาดและควรจะเติมเต็ม แต่ที่สำคัญที่สุด เราต้องปรับกระบวนคิดและเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อการบริการเสียใหม่ . . เราควรหันมอง “งานบริการ” ว่ามิใช่เพียงแค่การสร้างประสบการณ์ชั่วขณะและฉาบฉวยเท่านั้น แต่ยังหมายถึง “โอกาส” ที่จะช่วยสร้างสรรค์และผลักดันธุรกิจในระยะยาวให้ไปสู่เส้นทางของความสำเร็จได้ . . คำถามที่สำคัญคือ เราจะเลือกเดินตามเส้นทางที่คนอื่นทำไว้แล้วหรือจะกล้าสร้างสรรค์ให้เกิดเส้นทางใหม่ที่แตกต่าง . . อนาคตเรา… เราเป็นคนกำหนด . . อ้างอิง : ดาวน์โหลดฟรี eBook “คู่มือการออกแบบบริการ” http://www.tcdc.or.th/projects/ServiceDesignThailand/ . . #DNAbySPU2 “IT’S COMING” . #DNAbySPU รุ่น 2 [Register NOW] ยังไม่เปิด แต่หากสนใจลงชื่อไว้ก่อนที่นี่เลย http://www.DNAbySPU.com/DNAbySPU2.html . หมายเหตุ : 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.9 ต่อยอดจากการบรรยาย ของคุณสิรโสมย์ บริสุทธิ์สุวรรณ์ Co-Founder และ CEO, U Drink I Drive บริการพนักงานขับรถส่วนตัวที่มาให้ความรู้ในหัวข้อ “เพราะ Service Mind สำคัญในธุรกิจบริการ” ดำเนินการสัมภาษณ์โดยพิธีกรรับเชิญ คุณเปอร์-สุวิกรม อัมระนันทน์ #Speaker #DNAbySPU 22 April 2017 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal EP.8 #DNAbySPU
[Business design as a part of consumer’ lives :: เริ่มที่มนุษย์ จบที่พฤติกรรม] คุณนันทิศา อัครเกษมพร Associate Manager Line@ . . เราจะออกแบบธุรกิจของเราให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตลูกค้าเราได้อย่างไร ? . . เมื่อเราพูดถึง “การออกแบบ” หลายๆครั้งความคิดในหัวของเรามักจะเน้นไปที่การเชื่อมโยงแนวความคิดหลายๆอย่างการผสมผสานและลดทอนสิ่งต่างๆ โดยการเพิ่มเติมในส่วนเล็กๆน้อยๆเข้าไว้ด้วยกันและขจัดบางสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป . . ในฐานะผู้ประกอบการ เรามีความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการอันแท้จริงของลูกค้าของเรา เราจึงพยายามออกแบบสินค้าและบริการให้สวยและมีเสน่ห์ขึ้น ปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แก้ไขในส่วนที่ยากให้ดูน่าใช้มากขึ้น เพื่อหวังว่าลูกค้าของเราจะได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากเรา . . แต่ทำไมหลายๆครั้งเราพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ดีที่สุด ใช้ง่ายที่สุด สวยที่สุดจนลูกค้าของเราเอ่ยปากชมเชย แต่ลูกค้ากลับไม่สนใจสินค้าและบริการของเราแต่กลับไปใช้จ่ายในธุรกิจคู่แข่ง หลายต่อหลายครั้ง หรือว่าการออกแบบนั้นจะไม่สามารถขับเคลื่อนพฤติกรรมได้ ? . . ถ้าเราย้อนกลับไปศึกษาในปรัชญาของการออกแบบ เราจะพบว่าเราได้มองข้ามบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญไป หลายๆครั้งถ้าพูดถีง “การออกแบบ” เรามักจะมองไปที่ความงดงามและสุนทรียภาพที่จับต้องได้ แต่ถ้าเราใช้เวลาอีกสักหน่อยเพื่อมองให้ลึกลงไปอีกขั้น เราจะมองเห็นในแก่นที่แท้จริงของการออกแบบนั่นคือ “การออกแบบที่คิดถึงผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง” หรือ (Human-centered design) . . หลักสูตร #DNAbySPU ได้รับเกียรติจากคุณนันทิศา อัครเกษมพร Associate Manager ทีม LINE@ บริษัท ไลน์ พลัส คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ที่มาแนะนำวิธีการการออกแบบที่คิดถึงผู้ใช้เป็นศูนย์กลางซึ่งนำไปสู่การขับเคลื่อนพฤติกรรม . . การทำการตลาดในอดีตมักจะพึ่งพาการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ผ่านทางกระบอกเสียงอันใหญ่ที่ถ่ายทอดเสียงของเราให้ไปได้ไกลที่สุดและหวังว่าลูกค้าที่ได้ยินเสียงของเราจะทำตามที่เราบอกและมาใช้บริการธุรกิจของเรา . . ซึ่งลูกค้าก็ยินยอมรับสารที่เราส่งออกไปแต่โดยดีและทำในสิ่งที่เราปราถนาให้ทำ เพราะในอดีตลูกค้ามักไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนัก ผู้ประกอบการอย่างเราจึงเคยชินกับการ “ผลักธุรกิจของเราไปสู่ลูกค้าของเรา . . แต่ในสมัยนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้ลูกค้า “หวง” พื้นที่ส่วนตัวมากขึ้นและไม่ต้องการโดน “ขัดจังหวะ” ลูกค้าพยายามปิดกั้นเสียงที่เราส่งไปเพื่อแทรกบทสนทนาของเขา ลูกค้าปฎิเสธในข้อความที่เราส่งออกไป เราจึงไม่สามารถทำอย่างเก่าได้ . . ดังนั้นเราควรจะเปลี่ยนวิธีคิดของเรา เราควรยกเลิกระบบที่เรียกว่าการ “ผลัก” และควรส่งเสริมการ “ดึง” ขึ้นมาแทนที่ . . เราต้องดึงลูกค้าให้เข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจของเรา ด้วยการวางผู้ใช้ไว้ศูนย์กลาง แล้วจึงสร้างโอกาสที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนพฤติกรรม โดยการปลุกเร้าลูกค้าให้ต้องการสินค้าของเราในห้วงเวลาที่กำลังจะจ่ายเงินให้ธุรกิจคู่แข่ง กระตุ้นลูกค้าในช่วงเวลาที่ลูกค้าควรได้รับการถูกกระตุ้น . . โดยแท้จริงไม่ได้นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยไม่ได้ออกแบบสินค้าและบริการของเขาอย่างดีเยี่ยมเท่านั้น แต่เขาเหล่านั้นได้ออกแบบสิ่งที่กระตุ้นพฤติกรรมของมนุษย์เพื่อรองรับสินค้าของเขาด้วย . . โทมัส อัลวา เอดิสัน คือชายที่ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าขึ้นสำเร็จเป็นคนแรกในโลก แต่สำหรับตัว เอดิสันเองแล้ว เขากลับไม่ได้พึงพอใจกับความสำเร็จตรงหน้าเท่าไหร่นัก เพราะสิงประดิษฐ์ที่นี้ถ้าขาดอุปกรณ์ที่ให้กำเนิดและส่งผ่านกระแสไฟฟ้าที่ใช้กันแพร่หลาย “หลอดไฟดวงแรกของโลก” จะเป็นได้แค่ผลิตภัณท์ต้นแบบที่เอาไป จัดแสดงตามงานแสดงเทคโนโลยีเท่านั้นหรือที่เราเรียกกันว่า “งานวิจัยขึ้นหิ้ง” . . ดังนั้นงานของเอดิสันจึงยังไม่จบ สิ่งที่เขาต้องทำต่อคือ การนำสินค้าเข้าสู่ตลาดหรือ“นำงานวิจัยขึ้นหิ้งไปสู่ห้าง” และในหนึ่งปีหลังจากนั้นเขาได้จดทะเบียนสิทธิบัตรระบบจัดส่งไฟฟ้า (Electric Distribution System) เพื่อทำหน้าที่ผลิต จัดส่งและขายกระแสไฟฟ้าไปสู่ทุกครัวเรือนในนิวยอร์ก จึงทำให้หลอดไฟของเขาถูกใช้อย่างแพร่หลาย ด้วยวิธีคิดของเขาทำให้ และมีชื่ออยู่เหนือกาลเวลา โดยกลายเป็นสัญลักษณ์ในการคิดค้นนวัตกรรมของนวัตกรทั่วโลก . . เพราะเอดิสันมองว่าสินค้าของเขาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติได้ การที่จะทำให้สินค้าของเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตลูกค้า เขาต้องสร้างโอกาสในการใช้งานเสียก่อน . . ดังนั้นผู้ประกอบที่ดีนั้น นอกเหนือจากจะให้ความสำคัญกับสินค้าแล้ว ควรจะให้ความสำคัญกับการออกแบบโอกาสในการใช้งานด้วย ซึ่งวิธีการในการหาโอกาสนั้นไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน แต่กลับตรงไปตรงมาและง่ายแสนง่ายกว่าที่ราคิด เพียงแค่ดึงให้ผู้ใข้เป็น “ศุนย์กลาง” แล้วจึงเชื่อมโยงกับโอกาสในการใช้สินค้าของเราด้วยเครื่องมือที่เรามีเพื่อให้สินค้าของเราเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตลูกค้า . . ดั่งคำพูดของกาลิเลโอ กาลิเลอิ นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ได้กล่าวไว้ว่า All truths are easy to understand once they are discovered; the point is to discover them. ความจริงในเรื่องต่างๆง่ายที่จะเข้าใจเมื่อมีการค้นพบแล้ว ประเด็นคือ เราต้องค้นหามันให้เจอ . . อ้างอิง : https://en.wikipedia.org/wiki/Thomas_Edison . . #itsyouYOU . . 🔹🔹 #DNAbySPU2 “COME JOIN THE RIDE” 🔹🔹 www.DNAbySPU.com Speaker #DNAbySPU2 https://goo.gl/XGaKHx . หมายเหตุ : 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.8 ต่อยอดจากการบรรยาย ของคุณนันทิศา อัครเกษมพร Associate Manager ทีม LINE@ บริษัท ไลน์ พลัส คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ที่มาแนะนำวิธีการการออกแบบที่คิดถึงผู้ใช้เป็นศูนย์กลางซึ่งนำไปสู่การขับเคลื่อนพฤติกรรม #Speaker #DNAbySPU 25 March 2017 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal EP.7 #DNAbySPU
[Pursue the imperfect…ไล่ตามความไม่สมบูรณ์แบบ] คุณบอย สุวัฒน์ ปฐมภควันต์ ,Co-Founder #SKOOTAR . . กรอบความคิด (Mindset) อะไรที่จะทำให้เราก้าวสู่ความสำเร็จ ? . . แน่นอนว่าเมื่อถูกพูดโดยบุคคลที่ประสบความสำเร็จ คำพูดเหล่านี้จะดูมีน้ำหนักขึ้นทันที แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า ?. . . ต้องเป็น “ความพยายาม” แน่ๆ เพราะความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น… แต่บ่อยครั้งที่เราจะพยายามจะอ่านหนังสือที่ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือให้จบเล่ม แต่พอผ่านไป 1 อาทิตย์ เราไม่เคยจะเปิดแม้แต่หน้าปกและลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยซื้อมา . . หรือว่า “ความตั้งใจ” …มีหลายครั้งที่เราตั้งใจเต็มเปี่ยมที่จะลดไขมันส่วนเกิน ด้วยการตื่นเช้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อออกไปปั่นจักรยาน แต่พอผ่านไป 2 เดือน จักรยานเสือหมอบก็เปลี่ยนเป็นราวตากผ้าราคาแพง . . อาจจะเป็น “ความสม่ำเสมอ” ก็ได้นะ … แต่ทำไมเราป้อนข้อมูลผ่านทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เกือบทุกชั่วโมง ในทุกวัน แต่ความเร็วในการพิมพ์ก็ยังเท่าเดิม หนำซ้ำเรายังต้องมองตัวอักษรอยู่เลย . . แน่นอนว่าอาจจะมีอีกมากมายหลายคำพูดคิดขึ้นมาเพื่อตอบคำถามข้างต้น ความรัก ความรับผิดชอบ ความทุ่มเท ความเอาใจใส่ ความคิดสร้างสรรค์ และอีกมากมาย . . ทำไมบางคนมีคำเหล่านั้นก้องอยู่ในหัวใจ กลับรู้สึกว่าเส้นชัยของความสำเร็จนั้นยังอยู่อีกยาวไกล . . แต่ในขณะที่บางคนไม่ได้มีคำเหล่านั้นแทรกตัวอยู่ในวิธีคิด แต่กลับมีภาพความสำเร็จหลายต่อหลายภาพ ? . . คุณบอย สุวัฒน์ ปฐมภควันต์ Co-Founder and Co-CEO SKOOTAR บริการเรียกแมสเซ็นเจอร์ออนไลน์ชื่อดังของไทย มาแชร์ความรู้และประสบการณ์ส่วนตัวบนเส้นทางของผู้ประกอบการ SME และ Startup ในหลักสูตร #DNAbySPU ตอบคำถามว่า “อะไรคือจุดเริ่มต้นให้เราก้าวสู่ความสำเร็จ ?” . . แต่มีกรอบความคิดหนึ่งระบุว่าคำพูดที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด ไม่ใช่จุดเริ่มต้น แต่เป็นแค่ “กระบวนการระหว่างทาง” เท่านั้น . . “กรอบความคิดแบบเติบโต” (Growth Mindset) เป็นแนวคิดที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการประสบความสำเร็จ ซึ่งอ้างอิงจากผลการวิจัยของศาตราจารย์ คารอล ดเว็ค (Carol S. Dweck) ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์และจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด . . แนวคิดนี้เชื่อว่า ความสามารถถูกสร้างได้ด้วยการเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรคเป็นโอกาสที่จะนำไปสู่การพัฒนาและเติบโต . . คนที่มี “กรอบความคิดแบบเติบโต” จะกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ ชอบที่จะเรียนรู้จากปัญหา สนุกเวลาที่เจอโจทย์ยากๆ มีความพยายามที่จะหาทางแก้ไขปัญหาอุปสรรค พัฒนาสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทาย มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ มักมีคำถามในเรื่องการเรียน รวมถึงสิ่งต่างๆ รอบตัว . . โจซัว เวซกิ้น Joshua Waitzkin ชาวอเมริกัน ผู้ถูกขนานนามว่า “เด็กมหัศจรรย์” (The prodigy)จากการแชมป์หมากรุกระดับชาติ 8 สมัย ด้วยพรสวรรค์อันน่าทึ่งในด้านการเล่นหมากรุก ทำให้เรื่องราวชีวิตของเขาได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ Searching for Bobby Fitcher . . หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในการทำงานศิลปะผ่านกระดานเดินหมากรุกแล้ว เขาได้ตัดสินใจที่จะพัฒนาตัวเองอีกขั้น คราวนี้เขาจะเริ่มต้นในสิ่งแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ “ไทเก็ก” (Tai Chi) ซึ่งเป็นกีฬาแบบปะทะ . . ในตอนแรกหลายคนมองว่าไทเก็ก น่าจะเป็นแค่งานอดิเรกของเขา เพราะการเล่นหมากรุกซึ่งเป็นการวางกลยุทธ์บนกระดานไม่เหมือนกับกีฬาที่ต้องใช้ทักษะในการต่อสู้และความยืดหยุ่นของร่างกายโดยสิ้นเชิง สองสิ่งนี้แตกต่างกันจนเกินไป ไม่มีทางไปด้วยกันได้ . . แต่เขากลับสร้างความตกตะลึงให้คนรอบข้าง แม้แต่ครอบครัวของเขาเอง ด้วยการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งแชมป์โลกไทเก็ก ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่เป็นถึง 2 สมัย . . หลังจากนั้นไม่นานเขาได้แต่งหนังสือเกี่ยวกับการเรียนรู้และเชิดชูในศักยภาพของมนุษย์ในชื่อ The Art of Learning: An Inner Journey to Optimal Performance . . ในหนังสือของเขา มีบทหนึ่งระบุว่า “สิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเขาคือ ความพ่ายแพ้ในระดับประเทศครั้งแรก ซึ่งทำให้เขาไม่ต้องเจอกับดักของความสำเร็จ และสิ่งที่ดีน้อยที่สุดในชีวิตเขาคือการถูกเรียกว่า “เด็กมหัศจรรย์” . . เขาให้คำนิยามของคำว่า “กับดักของความสำเร็จ” และคำว่า “เด็กมหัศจรรย์” ในแนวทางที่ใกล้เคียงกัน คือ การเชื่อว่าตนเองมีพรสวรรค์เหนือคนอื่น ทำให้เขาหยุดเรียนรู้ ไม่ต้องพัฒนาอะไรอีกแล้ว เพราะเขาได้ยืนอยู่บนจุดบนสุดแล้ว . . และจากการค้นคว้าเพิ่มเติม ทำให้เราได้ทราบว่า“กรอบความคิดแบบเติบโต” นั้นได้ถูกฝังอยู่ในวิธีคิดของบุคคลที่ประสบความสำเร็จหลายต่อหลายคน . . Walter Elias Disney ถูกไล่ออกจากบริษัทหนังสือพิมพ์ ด้วยเหตุผลว่า ไร้จินตนาการ และขาดความคิดเป็นของตัวเอง แต่ด้วย“กรอบความคิดแบบเติบโต” เขากลับมาสู้ใหม่และกลายเป็นผู้สร้างผลงานการ์ตูนที่แพร่หลาย และประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนหนึ่ง . . Michael Jeffrey Jordan เคยถูกคัดออกจากทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน แต่ด้วย “กรอบความคิดแบบเติบโต” ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ และผู้ก่อตั้งศูนย์ เจมส์ อาร์.จอร์แดน บอยส์ แอนด์ เกิร์ลส์ คลับ แอน แฟมิลี่ ไลฟ์ เซ็นเตอร์ ซึ่งให้ความช่วยเหลือเด็กๆ จากทั่วประเทศทั้งด้านชีวิตความเป็นอยู่ การศึกษาและให้การอบรมทางด้านกีฬาแก่เยาวชนผู้สนใจด้วย . . คนประสบความสำเร็จย่อมต้องเคยล้มเหลวมาก่อน แต่สิ่งนั้นทำให้เขายอมรับในความผิดพลาดและเรียนรู้ว่า “เขายังไม่รู้อะไร” . . สำหรับผู้ประกอบการที่จะนำแนวคิดนี้เป็นประโยชน์และต้องการจะนำไปปรับใช้นั้น แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ทำตัวให้เหมือนเดิมทุกอย่าง มีสิ่งที่ต้องทำอย่างเดียวเท่านั้น . . คือ การเปลี่ยนองศาของการมองของ “ปัญหา” เสียใหม่ แค่หนึ่งองศาเท่านั้น ไม่ได้ยากอะไรเลย . . แต่คราวนี้ให้จ้องมองปัญหาอย่างเข้าใจและพิจารณาอย่างสงบนิ่ง และหาวิธีแก้ปัญหาอย่างได้ผล เราจะได้ความหมายใหม่ คือ “โอกาส” . . เพราะการเดินทางจากดาวอังคารกับดาวพฤหัสแตกต่างกันแค่องศาเดียว . . อ้างอิง : – หนังสือ The Art of Learning: An Inner Journey to Optimal Performance ผู้เขียน Joshua Waitzkin – http://leader.innoobec.com/wp-content/uploads/2016/02/Mindset-Book-Final_11JUN2015.compressed.pdf – https://whitehatcrew.com/blog/a-mere-one-degree-difference . . #itsyouYOU . . 🔹🔹 #DNAbySPU2 “COME JOIN THE RIDE” 🔹🔹 www.DNAbySPU.com Speaker #DNAbySPU2 https://goo.gl/XGaKHx . หมายเหตุ : 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.7 ต่อยอดจากการบรรยาย คุณบอย สุวัฒน์ ปฐมภควันต์ Co-Founder and Co-CEO, SKOOTAR บริการเรียกแมสเซ็นเจอร์ออนไลน์ชื่อดังของไทย ที่มาแชร์ความรู้และประสบการณ์ส่วนตัวบนเส้นทางของผู้ประกอบการ SME และ Startup และตอบคำถามว่า “อะไรคือจุดเริ่มต้นให้เราก้าวสู่ความสำเร็จ ?”#Speaker #DNAbySPU 25 March 2017 . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal EP.6 #DNAbySPU
[Small is beautiful … ยิ่งเล็กน้อยยิ่งงดงาม] :: คุณหนุ่ม อำนาจ รัตนมณี ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือเดินทาง . . Small is beautiful ยิ่งเล็กน้อยยิ่งงดงาม . . อะไรคือแรงผลักดันให้คนบางคนทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และเต็มไปด้วยความยากลำบาก ? . . อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรามีความมั่นใจในการตัดสินใจอะไรบางอย่าง มั่นใจจนเปล่งเสียงออกมาว่า “ฉันรู้ว่าการตัดสินใจของฉันถูกต้อง” ทั้งๆที่เราไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดให้คนอื่นทราบถึงเหตุผลได้ แต่เราก็ยังมั่นใจกับการตัดสินใจครั้งนั้น . . และถึงแม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะนำมาสู่ปัญหา แต่เรายินดีที่จะเผชิญกับปัญหาที่จะตามมา ถึงแม้ผลลัพธ์จะไม่ได้เป็นอย่างที่คาด เราก็พร้อมจะยืนรับฟังด้วยหัวใจที่สงบนึ่ง . . หลักสูตร #DNAbySPU ได้รับเกียรติจากแขกรับเชิญสุดพิเศษ คุณหนุ่ม อำนาจ รัตนมณี ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือเดินทาง และ 100 Idols บุคคลสาธารณะ โดย Aday 2551 ผู้มาปลุก Passion ให้ ‘เดินตามสิ่งที่เรารัก’ และสร้าง ‘ตำนาน’ เป็นของตัวเอง . . คุณหนุ่มได้มาแชร์วิธีการปรับตัวกับสิ่งพิมพ์ออนไลน์สู่จุดรอดของธุรกิจ ที่ทำให้ร้านหนังสืออิสระของเขาสามารถเปิดให้บริการยืนหยัดอย่างมั่นคงมากว่า 16 ปี ทวนกระแสขาลงของร้านหนังสือในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง . . วิธีการนั้นเป็นวิธีการที่เรียบง่าย กระชับ ทรงพลังและสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงยังสอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบงานศิลปะประเภทต่างๆ เช่น การออกแบบแฟชั่น ตกแต่งภายใน วิจิตรศิลป์ การประพันธ์เพลง และแนวทางการใช้ชีวิต . . ปรัชญานั้นคือ “น้อยคือมาก” (Less is more) หรือการลงมือทำแบบน้อยแต่เน้น เริ่มต้นจากกระบวนการคิดหลายๆ รูปแบบ แล้วตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ให้เหลือแค่ใจความสำคัญจริงๆ เท่านั้นเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด . . สำนวน Less is more ปรากฏครั้งแรกในบทกวีของ Robert Browning กวีเอกชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ต่อมา Ludwig Mies Van Der Goh สถาปนิกชาวเยอรมัน ได้นำเอาสำนวน “Less is more” มาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบอาคาร บนความเรียบง่ายแต่พิถีพิถัน สวยงามแต่ลุ่มลึกในความคิด จนกลายเป็นหัวใจหลักของการออกแบบศิลปะ และได้ถูกพัฒนาเป็น เทรนด์สไตล์มินิมอลในเวลาต่อมา . . หากเปรียบเทียบกับสินค้าหรือบริการ หรือแม้แต่การออกแบบต่างๆ การทำผลงานออกมาอย่างเรียบง่ายและชัดเจน ลูกค้าจะสามารถถอดความได้ง่ายกว่าและเข้าใจได้มากกว่า ทำให้ผลงานนั้นดูโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับ . . แต่ก่อนที่เราจะไปสู่ปลายทางของปรัชญา Less is more เพื่อปรับใช้กับธุรกิจของเราได้ เราต้องผ่านจุดเริ่มต้นก่อน นั่นคือ ”ความชัดเจนว่าทำไมถึงทำ” (Why) เมื่อเราชัดเจนแล้ว เราจะรู้โดยอัตโนมัติว่าต้องทำอย่างไร (How) และต้องทำอะไรบ้างที่เพื่อไปสู่สิ่งที่ต้องการ (What) . . สตรีชาวเคนยา ชื่อ ดร.วังการี มาไท (Dr. Wangari Maathai) ได้เดินทางไปทุกหมู่บ้านทั่วประเทศเคนยา เธอได้เรียนรู้ว่า หญิงชาวเคนยาใช้เวลามากขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงในการออกไปหาไม้ฟืนสำหรับหุงต้มอาหาร ด้วยความเป็นอยู่ที่ แร้นแค้น และขาดความรู้ด้านโภชนาการทำให้ชาวบ้านเกิดโรคขาดสารอาหาร และชาวบ้านขาดรายได้ลงอย่างสิ้นเชิง . . เธอตระหนักว่า ต้นไม้มาจะช่วยแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากแร้นแค้นที่ชาวเคนยาประสบอยู่ เพราะ “ต้นไม้”จะทำให้พวกเขามีอาหารกิน มีสมุนไพรรักษาโรค ช่วยให้มีอาชีพ ดำรงชีพอยู่ได้การมีอยู่มีกิน และช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และในที่สุด….. ก็จะนำมาซึ่งความมั่นคงในชีวิตชาวแอฟริกา . . เธอได้ริเริ่มจัดตั้งกลุ่ม “ขบวนการแนวร่วมสีเขียว” (Green Belt Movement) เพื่อรณรงค์ให้ชาวเคนยาปลูกต้นไม้คนละหนึ่งต้น เมื่อชาวเคนยาทุกคนพร้อมใจกันปลูกต้นไม้คนละต้น ประเทศเคนยาก็มีต้นไม้เพิ่มขึ้นมา 15 ล้านต้นในทันที . . แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายคนในวงการต่างๆ พร้อมใจกันมอบสายตาที่เย็นชาและคำเยาะเย้ยให้แก่แนวคิดของเธอว่าต้องล้มเหลวอย่างแน่นอนเพราะเธอไม่มีงบประมาณโฆษณา ประชาสัมพันธ์อย่างมหาศาล ไม่เว้นแม้แต่ชาวบ้านที่เธอไปคุยด้วยว่าแนวคิดของเธอเป็นความคิดที่เพ้อฝันและโลกสวย เพราะตัวชาวบ้านเองแทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว . . แต่เธอเลือกที่จะไม่สนใจเสียงและสายตาเหล่านั้นและเดินหน้าต่อไป . . ต่อมาไม่นานขบวนการแนวร่วมสีเขียวสามารถปลูกต้นไม้ได้ถึง 30 ล้านต้น และกลายเป็น 45 ล้านต้นในเวลาต่อมา ปัจจุบันนี้ประเทศเคนยาจึงเขียวชะอุ่มปกคลุมไปด้วยต้นไม้ จะยังเหลือก็แต่เพียงในพื้นที่เขตทะเลทรายเท่านั้น . . การคืนสภาพให้แก่ป่าเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่สตรีชาวเคนยาจับต้องได้ ต้นไม้ทำให้พวกผู้หญิงมีไม้ฟืนสำหรับทำเป็นเชื้อเพลิงหุงต้มในครัวเรือน มีรั้วไว้ป้องกันบริเวณบ้านได้ ต้นไม้ยังเป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้แก่ทุกคน และทำให้พวกเธอมีโอกาสหารายได้มาจุนเจือครอบครัวอีกด้วย . . เพราะเธอชัดเจนกับแนวคิดที่ว่า “ผืนดินที่มีต้นไม้อุดมสมบูรณ์ เป็นพื้นฐานที่ทำให้พวกเรามีชีวิตอยู่รอดได้” ทำให้ คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ปี 2004 เห็นควรมอบรางวัลให้แก่ ดร.วังการี มาไท เป็นเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของทวีปแอฟริกาที่ได้รับรางวัลโนเบล . . คุณหนุ่มเริ่มต้นจากความรักในหนังสือ ด้วยความชัดเจนว่าทำไมถึงทำ (WHY) จึงเลือกเปิดร้านหนังสืออิสระในแนวที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบ คุณหนุ่มจึงมีภูมิต้านทานที่จะฟังในเสียงวิพากวิจารณ์เชิงลบ คำบั่นทอน และคำสบประมาท หรือที่คุณหนุ่มเรียกว่า “สภาวะทดสอบจิต” . . ในขั้นตอนการตกแต่งร้าน (How) คุณหนุ่มสมมติว่าถ้าเป็นนักอ่านคนหนึ่ง เดินเข้าไปในร้านหนังสือ บรรยากาศแบบไหนที่อยากได้ ก็เอาตรงนั้นเป็นจุดตั้งต้น คุณหนุ่มจึงตั้งใจให้บรรยากาศในร้านอบอุ่นและเป็นกันเองเหมือนห้องนั่งเล่นในบ้านที่พร้อมจะต้อนรับแขกอยู่เสมอ . . ในขั้นตอนการเลือกหนังสือมาไว้ในร้าน (What) ก็จะเป็นหนังสือแนว “เดินทางและท่องเที่ยว” เพื่อสร้างภาพจำว่าเป็นร้านหนังสือที่ “เล็กแต่ลึก” แตกต่างจากร้านหนังสือยักษ์ใหญ่ที่ “มากและกว้าง” โดยสิ้นเชิง . . ด้วยแนวคิดเล็กๆ นี้ “ร้านหนังสือเดินทาง” ร้านเล็กๆ ที่สร้างด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ จึงดึงดูดคนไทยและคนทั่วโลกที่รักในการเดินทางให้มาที่ร้านของคุณหนุ่ม ดึงดูดความสนใจจากสื่อระดับโลก และดึงดูดผู้บริหารของร้านหนังสือยักษ์ใหญ่ให้มาดูงานที่ร้านของคุณหนุ่ม . . สำหรับผู้ประกอบการที่จะนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนรู้จากที่ไหน ขอแค่ใช้เวลาอย่างสงบในการเริ่มต้นคุยกับตัวเอง ฟังเสียงหัวใจตนเอง ตอบตัวเองให้ได้ว่าทำไมถึงทำ (WHY) . . แน่นอนว่าอาจจะยากซักหน่อย แต่คงไม่ยากเกินไป ที่จะหาคำตอบที่ก้องอยู่ในหัวใจตนเอง เมื่อได้คำตอบแล้วแล้วจึงเริ่มลงมือทำด้วยความปรารถนาอันแรงกล้านั้น และอย่าลืมเปิดใจต่อความล้มเหลวและความผิดพลาด เพื่อที่เราจะได้เริ่มใหม่ด้วยบทเรียนที่ได้เรียนรู้มา . . แล้ววันหนี่งเราจะปลดล็อคธุรกิจที่เกือบจะสมบูรณ์แบบได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในเส้นทางที่เราออกแบบเอง . . อ้างอิง : หนังสือ the challenge for Africa ผู้เขียน Wangari Maathai /หนังสือ “ตั้งคำถามเพียง 1 ข้อ ก็พลิกจากตามขึ้นมานำ” (Start With Why) ผู้เขียน Simon Sinek / หนังสือ “ทำน้อยให้ได้มาก” (The Power of Less) ผู้เขียน Leo Babauta . . #itsyouYOU . . 🔹🔹 #DNAbySPU2 “COME JOIN THE RIDE” 🔹🔹 www.DNAbySPU.com Speaker #DNAbySPU2 https://goo.gl/XGaKHx . หมายเหตุ : 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.6 ต่อยอดจากการบรรยาย ของคุณคุณหนุ่ม อำนาจ รัตนมณี ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือเดินทาง และ 100 Idols บุคคลสาธารณะ โดย A day 2551 ผู้มาปลุก Passion ให้ ‘เดินตามสิ่งที่เรารัก’ และสร้าง ‘ตำนาน’ เป็นของตัวเอง #Speaker #DNAbySPU 25 March 2017 . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com #DNAjournal EP.5 #DNAbySPU
[Make product photography as if a communication tool. ให้การภาพถ่ายสินค้าเปรียบเสมือน เครื่องมือการสื่อสาร] . . Make product photography as if a communication tool. ให้การถ่ายภาพสินค้าเปรียบเสมือนเครื่องมือการสื่อสาร . . Erik Johansson ช่างภาพและนักตกแต่งภาพระดับโลกชาวสวีเดน กล่าวถึงแนวคิดการถ่ายรูปว่า “เพราะเราต้องการบันทึกไอเดีย ไม่ใช่เพียงแค่ช่วงจังหวะเวลา (It’s more about capturing an idea than about capturing a moment really) ดังนั้นก่อนกดชัตเตอร์เพื่อสร้างภาพถ่ายที่สวยงามเราต้องทำอะไรบ้าง ? . . หลักสูตร #DNAbySPU ได้เชิญคุณกอล์ฟ สิรภพ วรรณทอง #GolfSirapopPhoto มาแชร์เคล็ดลับในหัวข้อ “การถ่ายสินค้าให้สวยงามด้วยสมาร์ทโฟน” เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และลงมือถ่ายภาพสินค้าของตนเองในขณะเรียน ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ . . แน่นอน… ต้องอาศัยเทคนิคนิดหน่อยเพื่อให้ภาพที่ได้ออกมาดูดีที่สุด เช่น การโฟกัส มุมกล้อง การจัดองค์ประกอบภาพ ทิศทางแสง และสิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาด คือ กฎสามส่วน (Rule of third) ซึ่งถูกค้นพบโดย ปีทาโกรัส (Pythagoras) นักคณิตศาสตร์ชาวกรีก ที่อ้างอิงจากทฤษฎีระบบสัดส่วนที่ดีที่สุดในการมองเห็นและระบบประสาทสัมผัสของมนุษย์ . . จริงอยู่ ถ้าขาดสิ่งเหล่านั้น ภาพที่ออกมาคงจะดูไม่ดีซักเท่าไหร่ ไม่มีพลัง และคงไม่ได้สร้างความน่าสนใจ แต่สิ่งเหล่านั้นคือส่วนประกอบของภาพและมีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญกว่านั้น . . นั่นคือ “การวางแผน” เบื้องหลังของภาพถ่ายชั้นดีมากมาย ขั้นตอนจะไปอยู่ที่การวางแผนเสียมากกว่า การวางแผนจะช่วยจัดระบบความคิดของเราให้มีความชัดเจน และจะคอยกลั่นกรองว่าเราจะถ่ายทอด “การเล่าเรื่องด้วยภาพ” (Visual narrative) ออกมาทางภาพได้อย่างไร ? . . “เพราะภาพที่ดีสะท้อนถึงการวางแผนอย่างดี” เราควรเริ่มต้นที่การออกแบบสิ่งที่เราอยากจะบอก ร่างไอเดีย จัดองค์ประกอบให้ลงตัว เพิ่มความน่าสนใจโดยการเติมพร็อพ รวมสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันแล้วจึงจบขั้นตอนด้วยการกดชัตเตอร์ . . สำหรับการถ่ายรูปสินค้า นอกจากจะต้องมีการวางแผนที่ดีเยี่ยมแล้ว เรายังต้องผสมสูตรเด็ดลงไปด้วย นั่นคือ วิธีคิด รสนิยม คุณสมบัติและราคา ใส่ลงไปในแต่ละส่วนของรูปภาพ ก่อนที่เราจะกดชัตเตอร์แต่ละครั้ง . . เพื่อออกแบบให้ภาพถ่ายสินค้าของเรา เป็นเสมือนลายเซ็นที่จะสร้างภาพจำ เมื่อลูกค้าได้เห็นภาพถ่ายในรูปแบบนี้บ่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นจนชินตา ภาพนั้นจะกลายเป็น สัญลักษณ์ และนำไปสู่ภาพถ่ายในรูปแบบที่ค่อนข้างคล้ายหรือแตกต่าง . . แต่ที่น่าเสียดายคือเราหลายๆ คนไม่ได้ใส่ใจในภาพถ่ายเท่าที่ควร โดยเฉพาะภาพถ่ายที่จะนำไปใช้เป็นสื่อโฆษณาใน Social media ซึ่งเป็นเหมือนไม้ประดับและไม่จำเป็นที่จะมีความสวยงามมากนัก อาจเป็นเพราะธรรมชาติของ Social media ที่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ภาพนั้นจะมีสถานะ “หมดอายุ” ไปแล้ว . . 12 มกราคม 2007 ในเช้าวันทำงานที่ทุกคนเร่งรีบเดินทาง มีชายคนหนึ่งวางสัมภาระลงและเริ่มสีไวโอลิน ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน L”Enfant Plaza ที่เมืองวอชิงตัน ดีซี เป็นเวลา 45 นาที . . สามนาทีแรกผ่านไป มีชายวัยกลางคนสังเกตเห็นนักไวโอลิน เขาชะลอฝีเท้า แต่ก็เดินต่อไป . . หนึ่งนาทีต่อมา เขาได้รับเงินดอลล่าร์แรก จากผู้หญิงคนนึงที่ให้เงินโดยไม่หยุดเดิน แล้วก็เลยจากไป . . ไม่กี่นาทีต่อมาชายคนหนึ่ง เอนหลังพิงกำแพงดูการแสดงของนักไวโอลิน แต่ก็ไม่วายมองนาฬิกาแล้วก็ออกเดินต่อ . . คนที่ตั้งใจดูมากที่สุด ดูจะเป็นเด็กน้อยอายุ 3 ขวบ แต่แม่ก็พยายามบังคับให้หนูน้อยเดินต่อ และดูเหมือนเด็กๆ ทุกคนก็จะชอบดู แต่โดนพ่อแม่ บังคับให้รีบเดินต่อเหมือนกัน . . ตลอดระยะเวลาการแสดง 45 นาที มีคนที่หยุดดู และให้เงินวณิพกเพียง 20 คน เป็นจำนวน 32 ดอลลาร์ จากทั้งหมด 1,100 คน . . เมื่อการแสดงจบลง ความเงียบงันก็เข้าแทนที่ ไม่มีใครรู้ว่าการแสดงจบแล้ว ไม่มีเสียงปรบมือ เหมือนไม่มีใครรับรู้เลยว่าเคยมีการแสดงเกิดขึ้น . . นี่คือเรื่องจริงจากการทดสอบทางสังคมของหนังสือพิมพ์ Washington Post โดยคอลัมนิสต์ Gene Weingarten ที่ได้เชิญ Joshua Bell หนึ่งในนักไวโอลินที่เก่งที่สุดในโลก เขาเล่นไวโอลินให้กับ Philadelphia Orchestra ที่ Riccado Muti เป็นวาทยากรเมื่ออายุเพียง 14 ปี และอีก 4 ปีต่อมาเขาได้เล่นไวโอลินที่ Carnegie Hall ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงดนตรีในสถานที่ที่เป็นสุดยอดของโลก . . นอกจากประวัติแล้ว ผลงานของเขาก็ไม่ธรรมดา อยู่เบื้องหลังงานเพลงในภาพยนตร์ระดับฮอลลีวู้ดมากมายและได้รับรางวัล แกรมมี่มาแล้วในปี 1993 นอกจากนี้เขาคือผู้เล่นไวโอลินในภาพยนตร์ตุ๊กตาทองเรื่อง “The Red Violin” . . เพลงที่เขาเลือกเล่น ก็เพลงที่เป็นบทประพันธ์ที่ยากและไพเราะที่สุดบทหนึ่งของบาค ด้วยไวโอลีน Gibson ex huberman stradivarius of 1713 ซึ่งมีอายุเกือบ 300 ปี ซึ่งถือว่าเป็นไวโอลีนที่ดีที่สุดในโลก . . ด้วยส่วนประกอบทั้งหมดนี้ทำให้ 2 วันก่อนหน้าที่เขาจะมาแสดงในรถไฟฟ้าใต้ดิน บัตรคอนเสิร์ตที่เมืองบอสตันเต็มทุกที่นั่ง ด้วยราคาบัตรเริ่มต้นที่สูงถึง 100 ดอลลาห์ เพลงที่เล่นวันนี้ก็เป็นเพลงเดียวกับในคอนเสิร์ตที่บอสตัน ไวโอลีนก็ตัวเดียวกัน เวลาที่ใช้แสดงก็เท่ากัน ส่วนประกอบทั้งหมดเหมือนกันทุกอย่าง แต่ผลลัพธ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง . . ถึงแม้ว่าสินค้าของเราจะมี “จุดซื้อ”อยู่มากมายแต่อย่ามองข้ามการนำเสนอ เพราะเรากำลังทำการสื่อสารกับมนุษย์ผ่านทางการเล่าเรื่องด้วยภาพ เพราะภาพจะส่งผลกระทบต่อทัศนคติ และเป็นทัศนคตินี่เองที่ผลักดันพฤติกรรม . . ไม่จำเป็นว่าเราต้องจ้างช่างภาพราคาแพงมาถ่ายรูปสินค้า แต่แค่มาชี้ช่องทางให้เห็นถึง “วิธีคิด” ที่อยู่ข้างหลังภาพถ่าย ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และมีความสำคัญขนาดไหน? เพื่อจะก่อให้เกิดปัญญา (Wisdom) และนำไปปรับใช้กับสินค้าอย่างยั่งยืน . . เพราะตอนนี้เครื่องมือต่างๆ มีพร้อมอยู่แล้ว…. สิ่งเดียวที่จำกัดเราไว้คือจินตนาการ . . อ้างอิง Product Photography 101 https://.washingtonpost.com/socialexperiment https://goo.gl/KxjBRs https://goo.gl/DWxolk . . #itsyouYOU . . 🔹🔹 #DNAbySPU2 “COME JOIN THE RIDE” 🔹🔹 www.DNAbySPU.com Speaker #DNAbySPU2 https://goo.gl/XGaKHx . หมายเหตุ : 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.4 ต่อยอดจากการบรรยาย ของคุณสิรภพ วรรณ Founder at GolfSirapop Photo มาแชร์เคล็ดลับในหัวข้อ “การถ่ายสินค้าให้สวยงามด้วยสมาร์ทโฟน” เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และลงมือถ่ายภาพสินค้าของตนเองในขณะเรียน ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ #Speaker #DNAbySPU 25 March 2017 . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU http://www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง DNAbySPU #DNAjournal EP.4 @nakrobmoonmanas14
#DNAjournal EP.4 #DNAbySPU [CREATE BUSINESS AS CREATE AN ART FORM :: สร้างธุรกิจให้ประดุจดั่งสร้างงานศิลปะ] คุณนักรบ มูลมานัส กราฟฟิกดีไซเนอร์ งานคอลลาจ มือทองของไทย . Joseph Beuys (โจเซฟ บอยส์) ศิลปินชาวเยอรมันและอาจารย์ศิลปะด้านประติมากรรมที่ ดุสเซลดอร์ฟ อะคาเดมี ได้ส่งมอบคำประกาศอันทรงพลังให้กับนักเรียนศิลปะของเขาว่า “Everyone is an artist” (มนุษย์ทุกคนคือศิลปิน) . . ซึ่งสอดล้องกับที่ Pablo Ruiz Picasso (ปาโบล รุยซ์ ปีกัสโซ) จิตรกรเอกของโลกชาวสเปน ศิลปินที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์มากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 กล่าวว่า “All children are artists. The problem is how to remain an artist once he grows up” (เด็กทุกคนเป็นศิลปิน ปัญหาคือเราจะรักษาศิลปินไว้ได้อย่างไรเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่) . . เป็นแนวคิดที่ชวนตั้งคำถามว่า “เรานั้นสามารถทำงานศิลปะได้จริงหรือ ?” ซึ่งในความเป็นจริงเราทุกคนไม่ได้เกิดมามีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ เราไม่มีทักษะฝีมือเชิงช่างชั้นสูง เราขาดแนวคิดการจัดวางที่ดูสมมาตรแต่ทรงพลังและเลือกใช้คู่สีที่ไม่เข้ากันอย่างแรง ส่วนเส้นกราฟิกที่เราวาดเพื่อฆ่าเวลาโดยเฉพาะระหว่างประชุมไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่า “ศิลปะ” เลยแม้แต่นิดเดียว . . แต่มีงานศิลปะอยู่ประเภทหนึ่ง ที่ทำให้เราทำงานศิลปะได้โดยไม่ต้องอาศัยทักษะทางศิลปะ หรือใช้อุปกรณ์ราคาแพงหูฉี่ แต่ให้ความรู้สึกสนุก เปี่ยมไปด้วยจินตนาการ ให้เราลงมือทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ประดุจว่าเราย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงเวลาที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่สุดนั่นคือตอนเป็นเด็ก . . เปล่า !! ไม่ใช่แนวแอ็บสแตร็กที่ดูแล้วไม่เข้าใจและต้องปีนบันไดเพื่อจะได้เห็นความงดงาม แต่เป็นทัศนศิลป์ที่ก้าวผ่านแรงต้านของกาลเวลาอย่างไร้รอยต่อ ที่สามารถเชื่อมโยงงานศิลปะยุคอดีตและปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และประเด็นที่สำคัญที่สุด คือทำให้เกิดความหมายใหม่ . . เรากำลังพูดถีงงานศิลปะประเภท #Collage (คอลลาจ) ซึ่งคือ “การใช้สิ่งรอบตัวที่แตกต่างกัน มาจัดเรียงอีกครั้ง เพื่อสร้างความหมายใหม่” . . หลักสูตร #DNAbySPU ได้เชิญคุณนักรบ มูลมานัส กราฟฟิกดีไซเนอร์ งานคอลลาจ มือทองของไทยมาแชร์ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับศิลปะคอลลาจ การตัดปะภาพเพื่อให้เกิดภาพจำใหม่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการนำไปปรับใช้กับธุรกิจต่างๆ ของผู้เรียนอย่างยั่งยืน . . เราทุกคนล้วนมีความเป็นเป็นนักสะสมอยู่ในตัวเอง ลองมองย้อนกลับไปสมัยเราเป็นเด็กเราต้องเคยสะสมอะไรซักอย่าง อาจจะดูเหมือนไร้สาระ แต่ก็บ่งบอกถึงสัญชาตญาณในการเป็นนักสะสมของเรา ไม่ว่าจะป็นหนังสือการ์ตูน การ์ดพลัง ตุ้กตา ก้อนหินรูปทรงแปลกๆ หรือแม้แต่ฝาน้ำอัดลม . . เมื่อเราก้าวเดินไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ เราเริ่มสะสมในสิ่งที่เราชื่นชอบและมีความหมายกับเรา เช่น กีตาร์ รองเท้า นาฬิกา พระเครือง งานศิลปะ หรือรถยนต์ราคาแพง และเมื่อเราก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ สิ่งที่เราเลือกสะสมคือสิ่งที่มีค่าที่สุด คือ “ความรู้” . . เราไม่ได้สะสมไปซะทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เรา “เลือกจะสะสมในสิ่งที่เราเลือกแล้วเท่านั้น” เราสะสมในสิ่งที่เราชื่นชอบ สิ่งที่เต็มไปด้วยความงดงามที่น่าชื่นชม สิ่งที่เราสามารถนำไปปรับใช้ได้ และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดของเรา . . อิกอร์ สตราวินสกี้ (Igor Stravinsky) คีตกวีดนตรีคลาสสิกสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชาวรัสเซีย ต้องการที่จะแต่งเพลงเพื่อประกอบการแสดงบัลเล่ต์เรื่อง The Rite of Spring (พิธีบูชายัญในฤดูใบไม้ผลิ) . . แทนที่เขาจะเริ่มคิดใหม่และแต่งเพลงจากศูนย์ แต่เขากลับทำเพลงใหม่ด้วยในวิธีการที่ดูเหมือนจะไม่สง่างามนัก เขาเลือกบทเพลงอมตะที่เขาชื่นชอบตั้งแต่วัยเด็กมาหนึ่งเพลง และไปหยิบโครงสร้างของเพลงและเนื้อเพลงบางส่วนจากบทเพลงอมตะเพื่อมาใช้ในงานเพลงของเขา แต่เขาแต่งเสียงประสาน และจังหวะใหม่ราวกับเป็นเพลงของเขาเอง ว่าง่ายๆคือ ”ปรับแก้เพลงอมตะของคนอื่นให้เป็นเพลงใหม่ของเขา” . . นักวิจารณ์ ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงสื่อต่างๆ ดูจะไม่ชอบใจกับแนวคิดนี้และสิ่งที่เขาทำเท่าไหร่นัก ถึงขั้นกล่าวหาว่าเขา “ก็อป” มาอย่างหน้าไม่อาย โดยเฉพาะสื่อที่ตั้งฉายาให้กับเขาว่าเป็น “ขุนโจรของวงการเพลง” . . แต่เขาตอบกลับคนที่วิจารณ์ผลงานของเขาด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งว่า “พวกท่านอาจจะเคารพในเพลงอมตะ แต่ผมมีความชื่นชมในเพลงอมตะนั้น” . . เมื่อบัลเล่ต์เรื่อง “พิธีบูชายัญในฤดูใบไม้ผลิ”ได้ออกแสดง การแสดงชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ชมชาวรัสเซียและผู้ชมทั่วโลก นอกจากการแสดงและการเขียนบทที่งดงามแล้ว สิ่งสำคัญที่ทำให้การแสดงชุดนี้ทรงพลังและเข้าไปอยู่ในใจของผู้ชมบัลเล่ต์ทั่วโลกคือเพลงของเขา เพลงที่เขาแต่งขึ้นใหม่ จากบทเพลงอมตะ . . “ไอเดียที่ไม่ซ้ำใครเลยนั้นไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากไอเดียที่มีอยู่แล้ว” ข้อความจากหนังสือระดับ New York Times Bestseller ชื่อ Steal Like An Artist (ขโมยให้ได้อย่างศิลปิน) เขียนโดย Austin Kleon . . อาจารย์ศิลปะอย่าง โจเซฟ บอยส์ หรือแม้กระทั้งจิตรกรเอกของโลกอย่างปีกัสโซ เริ่มต้นฝึกวาดภาพจากการวาดเลียนแบบงานศิลปะของศิลปินท่านอื่น . . David bowie (เดวิด โบอี) นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งเป็นทั้งนักแสดง และจิตรกร ได้รับการนับถือจากนักวิจารณ์เพลงและศิลปินอื่นๆว่า เป็นผู้เปลี่ยนแปลงดนตรีสู่ยุคใหม่ๆ เมื่อมีคนถามว่าทำไมเขาถึงสรางสรรค์ผลงานใหม่ๆได้เสมอ แต่เขาตอบอย่างติดตลกว่า “ผมแค่เป็นหัวขโมยที่มีรสนิยมดี” . . หัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์ผลงานคือ การเก็บเล็กผสมน้อยจากความคิดของคนอื่น แล้วนำมาผสมผสานกับความคิดของเราเอง เพื่อสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์และภาพจำของเราขึ้นมาเพราะเราก็คือ “ส่วนผสมของสิ่งที่เราเลือกแล้ว” . . เราสามารถ “เลือก” ไอเดียจากครอบครัว เพื่อนที่ได้คุย ภาพยนตร์ที่ได้ดู เพลงที่ได้ฟัง บทความที่ได้อ่าน เมืองที่เราใช้ชีวิตอยู่ และจากสิ่งอื่นๆรอบตัว ให้เราค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆและมีความหมาย แล้วจึงนำความฝันที่กระจัดกระจายเหล่านั้น มารวบรวมอย่างเป็นระเบียบและนำเสนออกมาเป็นตัวตนที่ชัดเจน . . วันนี้เราอาจจะได้รับข้อความที่ “โลกส่งถึงเรา” ที่ทำให้เราได้เห็นโลกใบใหม่ และเมื่อโลกใบใหม่หลายๆใบมารวมกัน จะกลายเป็นจักรวาลทางความคิดที่ไม่สิ้นสุดอยู่ในหัวของเรา และพรุ่งนี้โลกอาจจะได้รับข้อความที่ “เราส่งถึงโลก” . . อ้างอิง :: หนังสือ Steal Like An Artist ผู้เขียน Austin Kleon, http:// history.com . #itsyouYOU . . 🔹🔹 #DNAbySPU2 “COME JOIN THE RIDE” 🔹🔹 www.DNAbySPU.com Speaker #DNAbySPU2 https://goo.gl/XGaKHx . หมายเหตุ :: 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.4 ต่อยอดจากการบรรยาย ของคุณนักรบ มูลมานัส กราฟฟิกดีไซเนอร์ งานคอลลาจ มือทองของไทยมาแชร์ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับศิลปะคอลลาจ การตัดปะภาพเพื่อให้เกิดภาพจำใหม่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการนำไปปรับใช้กับธุรกิจต่างๆ ของผู้เรียนอย่างยั่งยืน SurpriseSpeaker #DNAbySPU 18 March 2017 จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง |
DNAbySPUหลักสูตรพัฒนาพันธุกรรม Archives
June 2019
Categories |