DNA by SPU
  • Home
  • ​Speaker
  • สมัคร #DNAbySPU รุ่นที่ 7
  • Alumni's Opinions
  • DNA JOURNAL
  • INFOGRAPHIC
  • #MottoTH
  • Privacy Policy
  • BLOG DNA7bySPU

​#DNAjournal2 #EP6 The 4th wave of marketing “คลื่นลูกที่ 4 ของการตลาด”

10/30/2017

1 Comment

 
Picture
Picture
​#DNAjournal2 #EP6
.
.
The 4th wave of marketing “คลื่นลูกที่ 4 ของการตลาด”
.
.
ในปี ค.ศ. 1980 Alvin Toffler นักอนาคตวิทยาและอดีตบรรณาธิการของนิตยสาร Fortune ได้เขียนหนังสือ “The Third Wave” ที่จะฉายภาพให้ผู้อ่านได้มองเห็นถึงภาพใหญ่ของการเคลื่อนไหวทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ว่ามีพัฒนาการและความเป็นมาอย่างไร  โดยเขาเลือกใช้สัญลักษณ์ "คลื่น" เพราะสื่อถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะจางหายไปเมื่อมีคลื่นลูกใหม่เกิดมาแทนที่ 
.
.
โดยคลื่นแต่ละลูกจะสะท้อนถึงเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิถีชีวิตของมนุษย์ ซึ่งเชื่อมโยงเข้ากับรากฐานการผลิต ความเป็นไปในสังคม ระบบเศรษฐกิจและการทำธุรกิจในช่วงเวลาของคลื่นระลอกนั้น ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นคลื่น 3 ลูกด้วยกัน
.
.
คลื่นลูกที่ 1 คือ “เทคโนโลยีเกษตรกรรม” เริ่มตั้งแต่วันที่มนุษย์หยุดล่าสัตว์และพืชผักผลไม้ และหันมาตั้งถิ่นฐานทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ทำให้เกิดการรวมกลุ่ม ก่อให้เกิดการสร้างสังคมและวัฒนธรรม เริ่มจากระดับหมู่บ้านจนไปถึงระดับประเทศ ในช่วงเวลานี้เครื่องมือสร้างความมั่งคั่ง คือ ที่ดินและเเหล่งผลิตเกษตรกรรม
.
.
ในปีค.ศ. 1760 ประเทศอังกฤษประสบความสำเร็จในการนำเอาเครื่องจักรไอน้ำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องจักรทอผ้าและ
ใช้ถ่านหินเป็นพลังงานทางการผลิต นับเป็นจุดเริ่มต้นของคลื่นลูกที่ 2 คือ “เทคโนโลยีอุตสาหกรรม” ที่เน้นไปที่การผลิตจำนวนมากเพื่อตอบสนองตลาดขนาดใหญ่ จึงทำให้เกิดการพัฒนาของภาคการขนส่งและกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆ ในช่วงเวลานี้ผู้ที่เป็นต่อ คือ ผู้ที่ครอบครองโรงงานขนาดใหญ่และทรัพยากรที่มหาศาล  
.
.
คลื่นลูกที่ 3 คือ “เทคโนโลยีสารสนเทศ”  เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อมีการประดิษฐ์คิดค้นคอมพิวเตอร์ขึ้นและมีความพยายามในการทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกัน เพื่อให้ผู้คนในแต่ละมุมโลกเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ในเครือข่ายที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดการหลั่งไหลของข้อมูล ซึ่งส่งผลให้เกิดการสังเคราะห์องค์ความรู้ใหม่ได้อย่างกว้างขวาง 
.
.
แนวคิดของ Alvin Toffler ได้สร้างแรงบันดาลใจอย่างมากต่อ Steve Case หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท America Online (AOL) ที่เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้อุตสาหกรรมออนไลน์และธุรกิจดอตคอม
เป็นมาตรฐานของระบบเศรษฐกิจทั่วโลก ในปีค.ศ 2015 เขาได้ต่อยอดแนวความคิดนี้และเขียนหนังสือชื่อ The Third Wave: An Entrepreneur’s Vision of the Future แต่ในหนังสือเล่มนี้จะเน้นไปที่ระลอกคลื่นอินเตอร์เน็ต ในขณะที่หนังสือของ Alvin Toffler เน้นไปที่เทคโนโลยีของอุตสาหกรรม
.
.
Steve Case ได้ให้ความเห็นว่า ในช่วงเวลาปัจจุบัน (2016) โลกได้ขับเคลื่อนไปสู่คลื่นลูกที่ 3 นั่นคือ “ยุคของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค” นั่นคือ ประชากรโลกนับหลายพันล้านคนเชื่อมโยงกันผ่าน Social Media ที่มีการเชื่อมต่อแบบยิ่งยวดอยู่ตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยี Mobile Internet 5G กำลังจะถูกนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2020 โดยมีขีดความสามารถในการส่งข้อมูลขนาดใหญ่ด้วยความเร็วสูงกว่า 4G อย่างน้อย 10 เท่า  
.
.
เมื่อโลกกำลังสิ้นสุดยุคอุตสาหกรรมและกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีถูกพันเข้ากับสังคมข้อมูลข่าวสาร ทำให้ความรู้เกี่ยวกับการตลาดที่ท่านเรียนรู้มาในโลกยุคเก่า คงไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปในยุคสมัยนี้ ดังนั้นท่านจะต้องทำการตลาดอย่างไร ?
.
.
หลักสูตร #DNAbySPU2 ได้รับเกียรติจากคุณ สโรจ เลาหศิริ Chief Marketing Officer แห่ง Rabbit’s Tale ดิจิทัลเอเจนซีที่น่าจับตาที่สุดแห่งยุค มาช่วยถอดรหัสแนวคิดการตลาดที่จะสร้างคุณค่าให้ธุรกิจของท่าน สามารถรับมือเข้ากับคลื่นของการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที 
.
.  
Philip Kotler หนึ่งในผู้มีอิทธิพลที่สุดต่อนักการตลาดทั่วโลก ได้ให้ความเห็นในหนังสือล่าสุด Marketing 4.0 ของเขาว่าการเข้าสู่ยุคดิจิทัลนั้นไม่ใช่แค่การเข้ามาของ Digital Marketing แต่มันคือการเปลี่ยนระบบการตลาดที่ทุกท่านคุ้นเคยไปอย่างสิ้นเชิง
.
.
Marketing 1.0 เป็นยุคเริ่มต้นที่ผู้ประกอบการเริ่มผลิดสินค้าออกมาจำหน่าย  จึงต้องทำการแจกแจงออกมาเป็นแนวคิด 4P เพื่อง่ายต่อการเข้าใจ อันประกอบด้วย Product  (สินค้า) Price (การกำหนดราคา)  Place (การหาช่องทางจำหน่าย) Promotion (การสื่อสารให้คนเข้าใจ) โดยเนื้อหาของการสื่อสารการตลาดจะแข่งขันกันด้วย “คุณสมบัติการใช้งานในขั้นที่เหนือกว่า” เช่น แข็งกว่า ถูกกว่า หนากว่า ทนกว่า
.
.
Marketing 2.0 เป็นยุคของการเปลี่ยนมุมมองจากผลิตและหาวิธีขายมาเป็น “การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” (Consumer Centric) จึงต้องวิวัฒน์แนวคิด 4P เดิมมาเป็น 4C  แต่พูดในมุมของลูกค้ามากขึ้น คือ Consumer (การมองว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นลูกค้า) ท่านจึงต้องเลือกกลุ่มลูกค้าหลัก แล้วสร้างสินค้าที่ลูกค้านั้นต้องการ Cost (ขายในราคาที่ลูกค้ากลุ่มนั้นรับได้)  Convenience (ขายในช่องทางที่ลูกค้าสะดวก) Communication (สื่อสารกับลูกค้าในภาษาที่เค้าต้องการรับรู้) โดยเนื้อหาของการสื่อสารการตลาดจะเน้นในแนวทางสร้างอารมณ์ร่วมกับลูกค้าให้คล้อยตาม 
.
.
Marketing 3.0 เป็นยุคแห่งการเข้าถึง “จิตวิญญาณของมนุษย์”  (Human Spirit) เช่น แนวคิด CRM  (Customer Relationship Management) ที่ถูกพัฒนาเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้าแล้ว จะต้องวิวัฒน์สู่  CEM (Customer Experience Management) หรือการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดกับลูกค้าโดยการนำเครื่องมืออุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ เข้าบริการและสื่อสารกับลูกค้า ทั้ง  Online Offline มาควบรวมกันเพื่อส่งมอบ ประสบการณ์แบบเดียวกัน  หรือการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility) อาจไม่ลึกซึ้งพออีกต่อไป ต้องวิวัฒน์สู่การเป็น CSV (Creating Share Value) คือ การนำการเปลี่ยนแปลงโดยชักชวนทุกภาคส่วน ทั้งระบบนิเวศของธุรกิจให้เติบโตและเติมคุณค่าไปด้วยกัน
.
.
Marketing 4.0 เป็นยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดสังคมที่เชื่อมต่อคนทั้งโลกเข้าด้วยกันอย่างไร้พรมแดน ผู้บริโภคในยุคนี้มีรูปแบบไลฟ์สไตล์ และอุปนิสัยต่างจากผู้บริโภคที่เราเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง พวกเขาสามารถรวมพลังในการก่อให้เกิดกระแสต่างๆ ทั้งในทางบวกและทางลบด้วยพลังของมวลชนและความเร็วของการเดินทางของข้อมูล ลูกค้ามีช่องทางและข้อมูลข่าวสารมากพอที่จะค้นหาข้อมูลที่แท้จริง ดังนั้น “คุณภาพของสินค้าจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป”  ถ้าสินค้าไม่ดีจริงและใช้การโฆษณาเพื่อบิดเบือนข้อมูลย่อมจะโดนกระแสลงโทษจากโลกออนไลน์ แต่ถ้าสินค้าดีจริงโลกออนไลน์จะช่วยแนะนำและบอกต่อกันอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมซึ่งนับเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการอย่างมหาศาล
.
.
ดังนั้นในยุคที่ 4 ผู้ประกอบการต้องทำสินค้าให้ดี และเปิดรับเสียงตอบรับทั้งด้านดีและด้านไม่ดีจากลูกค้า เพื่อดูแลลูกค้าให้ประทับใจที่สุด และเพื่อให้ลูกค้าช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับธุรกิจของท่าน
.
.
Charles Darwin บิดาแห่งทฤษฎีของวิวัฒนาการ กล่าวว่า “ผู้อยู่รอดไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือฉลาดที่สุด แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้เก่งที่สุด”  ธุรกิจของท่านก็เหมือนกันต้องเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลง 
.
.
ก่อนที่จะถึงช่วงเวลาที่สายจนเกินไปและไม่เหลือสิ่งใดให้เปลี่ยนแปลง
.
.
#itsyouYOU  
.
.
หมายเหตุ
1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU
2. ข้อมูล EP.6 ต่อยอดจากการบรรยายของ คุณสโรจ เลาหศิริ Chief Marketing Officer แห่ง Rabbit’s Tale ดิจิทัลเอเจนซีที่น่าจับตาที่สุดแห่งยุค มาช่วยถอดรหัสแนวคิดการตลาดที่จะสร้างคุณค่าให้ธุรกิจของท่าน สามารถรับมือเข้ากับคลื่นของการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที

#Speaker #DNAbySPU2 9 September 2017
.
.
จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU
www.DNAbySPU.com
ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
Picture
Picture
Picture
1 Comment
วิเชียร ประเสริฐวณิช
10/31/2017 05:27:47 pm

บทความดีมาก ธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปมาก ต้องปรับปรุงกันยกใหญ่ต่อยอดธุรกิจต่อไป

Reply



Leave a Reply.

    DNAbySPU

    หลักสูตรพัฒนาพันธุกรรม
    ​ทางความคิด

    สาขาการจัดการธุรกิจดิจิทัล คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

    www.DNAbySPU.com
     089-4883655

    Archives

    June 2019
    May 2019
    April 2019
    March 2019
    February 2019
    January 2019
    November 2018
    October 2018
    September 2018
    August 2018
    July 2018
    June 2018
    May 2018
    April 2018
    January 2018
    December 2017
    November 2017
    October 2017
    September 2017

    Categories

    All

    RSS Feed

Location

Contact Us

หลักสูตรพัฒนาพันธุกรรมทางความคิด (DNAbySPU)
สาขาการจัดการธุรกิจดิจิทัล คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
เลขที่ 2410/2 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม 
เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
EMAIL : dnabyspu@gmail.com
TEL:
คุณลภัสรดา โกมุทพงศ (อุ้ม)  โทร: 089-4883655
  • Home
  • ​Speaker
  • สมัคร #DNAbySPU รุ่นที่ 7
  • Alumni's Opinions
  • DNA JOURNAL
  • INFOGRAPHIC
  • #MottoTH
  • Privacy Policy
  • BLOG DNA7bySPU