เหตุผลที่ว่า? .. ทำไมแบรนด์ถึงควรใช้ Instagram มากกว่า Facebookถ้าให้เลือกระหว่าง Facebook กับ Instagram แบรนด์ส่วนใหญ่ก็มักจะเลือก Facebook มากกว่า เนื่องจากการจำนวนผู้ใช้งาน ความง่าย และสะดวกในการใช้ ในขณะที่ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ล่าสุด เว็บไซต์ selfstartr.com ได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Facebook และ Instagram โดยนำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่าจริงๆ แล้ว ควรจะใช้ Facebook หรือ Instagram ในการทำตลาด ทั้งนี้ Infographic ของ #DNAbySPU นี้ก็จะเป็นตัวช่วยให้แบรนด์สามารถตัดสินใจได้ว่าควรใช้แพลตฟอร์มไหน สำหรับแคมเปญหรือกิจกรรมนั้นๆ เปอร์เซ็นต์ของ Organic Reach ระหว่างปี 2012 – 2014ในช่วงปี 2012 นักการตลาด หรือแบรนด์ที่ใช้ Facebook ทำตลาด จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า เพราะมี Organic Reach ถึง 11% ทว่า หลังจาก Facebook เริ่มหั่นยอด Organic Reach ลง เพื่อให้แบรนด์ต้องเสียเงิน ก็เหลือ Organic Reach เพียง 4% เท่านั้น สำหรับในปีนี้การทำตลาดด้วย Facebook ก็ยังอยู่ในช่วงวิกฤตเหมือนเดิม แต่ละแบรนด์ก็พยายามงัดกลยุทธ์มาใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ถ้าไม่ได้ผล สุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นการเสียเงินเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของ Instagram ในปี 2012 แบรนด์สามารถทำตลาดได้ง่ายกว่า แม้จะไม่ต้องเสียเงิน เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การเข้าถึงแล้วอยู่ที่ 13% โดยในปี 2014 ที่ Instagram เปิดให้แบรนด์ซื้อโฆษณา ก็ยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า มีเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 26% รวมแล้วเพิ่มขึ้นกว่า 200% โดยส่วนใหญ่ผู้ใช้ Facebook จะไม่ค่อยสนใจโฆษณา มีเพียง 32% เท่านั้นที่จะมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ในขณะที่ผู้ใช้ Instagram 68% จะตอบสนองกับแบรนด์มากกว่า ซึ่งมากกว่า Facebook ถึง 58 เท่า นักการตลาด กับการใช้ Social Mediaอย่างที่เราทราบกันดีว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด ในกลุ่มนักการตลาดเองก็เช่นกัน 93% ของนักการตลาดใช้ Facebook ในขณะที่มีเพียง 36% ที่ใช้ Instagram ทำตลาด เมื่อดูจากตัวเลขข้างต้นแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปถ้าคุณอยากจะใช้ Instagram เข้าถึงผู้บริโภค โพสต์แล้วจะมีคนเห็นมากแค่ไหนถ้าโพสต์ใน Facebook อาจมีผู้บริโภคเห็นโพสต์ของคุณเพียง 6% เท่านั้น แต่ถ้าโพสต์ใน Instagram จะมีคนเห็นโพสต์ 100% เพราะถ้าพวกเขาเลือกที่จะติดตามแบรนด์ นั่นหมายความว่าพวกเขายินยอมที่จะเห็นโฆษณา หรือไม่ก็ซื้อโฆษณากับ Instagram ได้เช่นกัน มูลค่าการซื้อสินค้า/ครั้งสุดท้ายแล้วสิ่งที่แบรนด์ต้องการคือ ผลกำไร เมื่อเทียบแล้วผู้ใช้ Facebook ซื้อสินค้าครั้งละประมาณ 55 ดอลลาร์ หรือเกือบๆ 2,000 บาท ส่วนผู้ใช้ Instagram มูลค่าการซื้อสินค้นต่อครั้งจะอยู่ที่ 65 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,300 บาท Source : selfstartr.com / marketingoops.com "ใช้ DigitalMarketing เพื่อให้เป็นภาพจำ และ เป็น DNA ของตัวเอง"
DNAbySPU.com #DNAbySPU2 #itsyouYOU เพราะการเป็นคุณ มันพิเศษที่สุดแล้ว ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ ผู้อำนวยการหลักสูตร #DNAbySPU คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
0 Comments
Leave a Reply. |
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
August 2018
Categories |