DNA by SPU
  • Home
  • ​Speaker
  • สมัคร #DNAbySPU รุ่นที่ 8
  • Alumni's Opinions
  • DNA JOURNAL
  • INFOGRAPHIC
  • #MottoTH
  • Privacy Policy
  • BLOG DNA7bySPU

#DNAJOURNAL3 #EP3 “ของขวัญไม่ใช่แค่เรื่องของการให้... แต่เป็นเรื่องใจที่เราส่งถึงกัน”

4/30/2018

0 Comments

 
Picture
Picture
#DNAjournal3 #EP3

.

.

“ของขวัญไม่ใช่แค่เรื่องของการให้... แต่เป็นเรื่องใจที่เราส่งถึงกัน”
​

ในวันเฉลิมฉลองความสำเร็จของคนสำคัญ ในงานเทศกาลต่างๆ หรือแม้แต่ในโอกาสพิเศษต่างๆ นอกจากจะเป็นกิจกรรมที่เป็นการรวมตัวของคนรู้จัก การเสิร์ฟอาหารรสเลิศและความบันเทิงที่เต็มรูปแบบแล้ว ยังมีสิ่งเล็กๆน้อยๆสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เจ้าของงานรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจพองโตได้อย่างน่าอัศจรรย์และยิ้มแก้มปริด้วยความประทับใจ สิ่งเล็กน้อยเหล่านั้นยังช่วยสื่อสารให้เจ้าของงานได้เข้าใจและซึมซับว่าช่วงเวลานั้นไม่ใช่ช่วงเวลาธรรมดาคือช่วงเวลาที่พิเศษจริงๆ นั่นก็คือ “ของขวัญ”

.

.

การให้ของขวัญเป็นการแสดงความยินดี เปรียบเสมือนเป็นบรรทัดฐานทางสังคมของผู้คนในหลากหลายวัฒนธรรม และดูเหมือนว่าธรรมเนียมของการห่อของขวัญนั้นว่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์เราทำกันมาเนิ่นนานจนฝังรากลงไปในจิตใต้สำนึกของคนเราแล้ว

.

.

ในเมืองจีนยุคโบราญสมัยราชวงศ์ซ่ง หรือประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 2 มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ว่า ชาวจีนในสมัยนั้นนิยมนำเงินหรือของมีค่าบรรจุไว้ในซองหรือห่อด้วยกระดาษสีแดงเพื่อมอบให้แก่กันในเทศกาลสำคัญ เช่นในวันปีใหม่ วันเกิด ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นซองอั่งเปาที่ทุกท่านคุ้นชินกันในวันตรุษจีน

.

.

ข้ามไปที่ทวีปยุโรปในยุควิคตอเรีย วัฒนธรรมการห่อของขวัญนั้นจะถูกจำกัดให้อยู่ในแวดวงของชนชั้นสูงและราชวงศ์เท่านั้น ในเวลาต่อมา ประมาณศตวรรษที่ 18 เมื่อรัฐบาลของประเทศอังกฤษได้มีการพัฒนาระบบที่เรียกว่าระบบไปรษณีย์ (Postal system) ระบบนั้นทำให้ค่าใช้จ่ายในการส่งจดหมายและพัสดุถูกลง ทำให้ผู้คนส่งของขวัญให้กันมากขึ้น แต่ตอนนั้นคุณภาพของกระดาษห่อของขวัญและหีบห่อยังไม่ดีนัก วัฒนธรรมการส่งของขวัญจึงยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก

.

.

ในศตวรรษที่ 20 มีพี่น้องคู่หนึ่งเล็งเห็นว่าวัฒนธรรมที่ยังไม่แพร่หลายนี้ อาจจะสามารถสร้างเป็นธุรกิจได้  จึงจัดตั้งบริษัท Hallmark cards ในสหรัฐ เพื่อผลิตกระดาษคุณภาพดีสำหรับห่อของขวัญ รวมไปถึงอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ เช่น ริบบิ้นโบว์ และการ์ดอวยพรในโอกาสพิเศษ ทำให้วัฒนธรรมการมอบของขวัญได้แพร่กระจายไปสู่ทั่วโลก

.

.

การห่อของขวัญเพื่อมอบให้กันนั้น ดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมที่สิ้นเปลืองและไม่มีประโยชน์เสียเท่าไหร่ เพราะยังไงผู้รับก็ต้องลอกเปลือกนอกออกเพื่อให้เห็นของที่อยู่ข้างในอยู่แล้ว แต่สิ่งเล็กๆน้อยเหล่านั้นแหละที่จะทำให้สิ่งของที่สุดแสนธรรมดา กลายเป็นสิ่งของที่สุดแสนพิเศษ และสร้างความประทับใจให้ผู้รับอย่างไม่รู้ลืม

.

.

แล้วจะเป็นไปได้หรือไม่ที่ธุรกิจในความดูแลของท่าน จะสามารถทำให้ลูกค้าประทับใจได้ทุกครั้งเมื่อได้รับสินค้าและบริการ เปรียบประดุจช่วงเวลาประทับใจเมื่อลูกค้าได้รับของขวัญ ?

.

.

หลักสูตร #DNA3bySPU ได้รับเกียรติจากครูหมู อัญชลี ศรีไพศาล ที่ปรึกษาให้กับไลฟ์สไตล์แบรนด์ อาจารย์วิชาประวัติศาสตร์แฟชั่น  Lifestyle Designer และนักเขียนอิสระ มาเล่าถึงความรู้และมุมมองของ “การห่อของขวัญ” ที่จะสร้างความดีใจ ความสงสัย และความตื่นเต้น ระคนผสมกันไปอย่างพร้อมเพรียงกันในช่วงเวลาที่ผู้รับได้รับมอบ

.

.

ความหมายดั้งเดิมของการส่งของขวัญ คือ “การสื่อความรู้สึกไปสู่อีกฝ่ายหนึ่งในรูปของสิ่งของ” ดังนั้นการห่อของขวัญก็เช่นเดียวกัน การห่อของขวัญไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งของหรือการให้ แต่คือ “การห่อหุ้มความรู้สึกให้หัวใจที่เราส่งถึงกัน”

.

.

การห่อของขวัญที่ดีไม่ใช่การห่อสินค้าอย่างละเอียดอ่อนและบรรจงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คือการ “ห่อใจ” ห่อความรู้สึกของผู้มอบส่งไปด้วย ดังนั้นในขั้นตอนแรกที่ควรจะลงมือทำ คือเอาใจของเราออกไปและใส่ใจของเขาเข้ามา เพื่อ “เข้าใจ” ก่อนว่าผู้รับรู้สึกอย่างไร ? หากเราเข้าใจความรู้สึกเขาดีแล้ว ก็มีโอกาสสูงที่การห่อของขวัญชิ้นนั้น จะทำให้ผู้รับรู้สึกยิ้มแก้มปริหลังจากที่ได้รับมอบ

.

.

ใครเป็นคนกำหนดกันล่ะว่าของขวัญจะมอบให้กันได้ในงานเทศกาลหรือโอกาสพิเศษเท่านั้น ? แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราริเริ่มสร้างโอกาสพิเศษนั้นขึ้นมาให้ทุกวันเป็นวันพิเศษทั้งของเรา และที่สำคัญของลูกค้าเพื่อดำรงความสัมพันธ์ของทั้งสองฝั่งเอาไว้

.

.

อย่ายึดติดกับบรรทัดฐานว่าการห่อของขวัญนั้นจะต้องถูกจำกัดให้อยู่ในรูปแบบของรูปทรงที่เป็นกล่องเพียงอย่างเดียว มนุษย์เราทุกคนล้วนแล้วแต่มีพลังความคิดสร้างสรรค์อยู่ในตนเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมควรที่จะนำพลังงานเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ เราไม่ต้องประดิษฐ์คิดค้นอะไรใหม่ ขอเพียงมองในแง่มุมใหม่ๆ ก็จะได้มาซึ่งรูปแบบใหม่ที่ไม่จำเจ และซ้ำกับของที่คุ้นเคย

.

.

ชาร์ลส์ ดาร์วิน  นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ได้กล่าวในทฤษฎีวิวัฒนาการว่า “ผู้ที่จะอยู่รอดได้ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือฉลาดที่สุด แต่เป็นผู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด” ดังนั้นในช่วงเวลานี้ เราไม่สามารถแข็งข้อเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านกลางลมพายุได้อีกแล้ว เราต้องทำตัวให้เหมือนต้นไผ่ที่ลู่ลม ที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนอย่างเร็วไว แต่คงไว้ซึ่งตัวตน 

.

.  

#itsyouYOU 
.

.

Reference : https://tinyurl.com/y7249hm6
.

.

หมายเหตุ
1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU
2. ข้อมูล EP.3 ต่อยอดจากการบรรยายของครูหมู อัญชลี ศรีไพศาล ที่ปรึกษาให้กับไลฟ์สไตล์แบรนด์ อาจารย์วิชาประวัติศาสตร์แฟชั่น  Lifestyle Designer และนักเขียนอิสระ มาเล่าถึงความรู้และมุมมองของ “การห่อของขวัญ” ที่จะสร้างความดีใจ ความสงสัย และความตื่นเต้น ระคนผสมกันไปอย่างพร้อมเพรียงกันในช่วงเวลาที่ผู้รับได้รับมอบ

.

.

#Speaker #DNA3bySPU 31 March 2018

.

.
​
จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage, Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU

www.DNAbySPU.com
​
ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
Picture
Picture
0 Comments

#DNAjournal3 #EP2 “เทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องแปลกปลอม..ช่วยหล่อหลอมเป็นสิ่งใหม่”

4/7/2018

0 Comments

 
Picture
Picture
#DNAjournal3 #EP2

.

.
​
“เทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องแปลกปลอม..ช่วยหล่อหลอมเป็นสิ่งใหม่”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกของเรามีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้ง โดยทั้งหมดเป็นไปตามที่ กอร์ดอน มัวร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งอินเทลได้ทำนายไว้ตั้งแต่ปี 2508 ว่าทรานซิสเตอร์ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมพื้นฐานจะมีราคาที่ถูกลง สวนทางกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทุก 1 ปี ซึ่งในเวลาต่อมาทั่วโลกขนานนามแนวคิดนี้ว่า กฎของมัวร์ (Moore’s law)

.

.
​
อุปกรณ์ไอทีที่ท่านใช้งานอยู่ในทุกวันนี้ล้วนแล้วแต่มีชิปประมวลผลเป็นหัวใจหลัก ซึ่งชิปประมวลผลเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมาจากทรานซิสเตอร์ ทรานซิสเตอร์ในยุคแรกเริ่มเดิมทีจะมีขนาดเท่ากับยางลบที่ปลายดินสอ แต่ตอนนี้ในปัจจุบัน ทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เล็กจนสามารถวางทรานซิสเตอร์  6 ล้านตัวได้ในพื้นที่เท่ากับปลายดินสอเท่านั้น กฎของมัวร์ได้จุดประกายจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ของนักพัฒนาเทคโนโลยีให้เต็มไปด้วยความหวัง และกล้าเดินหน้าต่อไปสู่อนาคต เพราะมีความเชื่อว่าเทคโนโลยีในวันพรุ่งนี้สามารถก้าวไปได้ไกลกว่าเมื่อวานเสมอ

.

.

ของใช้ประจำตัวอย่างโทรศัพท์มือถือ แต่ในตอนนี้ก็กลายเป็นคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ไปแล้ว นาฬิกาข้อมือก็คือคุณหมอที่ควบคุมและคอยเตือนไม่ให้เราออกกำลังอย่างหักโหมเกินไป คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คก็กลายเป็นออฟฟิศเคลื่อนที่ให้เราพับเก็บและถือไปไหนมาไหนได้  และเชื่อแน่ว่าจะมีนักคิดมากมายคิดค้นสิ่งมหัศจรรย์ที่น่าทึ่งได้อีกในอนาคต

.

.

ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีอยู่ประเภทหนึ่ง ที่อดีตเคยโลดแล่นบนจินตนาการบนแผ่นฟิล์มและเรื่องราวในหนังการ์ตูน แต่ในปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีที่ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้ ในราคาที่ถูกแสนถูก นั่นก็คือ เทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ความจริงเสมือนที่ทำให้ผู้ใช้เกิดการ “รับรู้” และ “รู้สึก” เหมือนจริงมากที่สุด เป็นการจำลองโลกอีกใบหนึ่งขึ้นมาและเคลื่อนย้ายเราไปโลกอื่น เราสามารถท่องไปในโลกอีกใบได้ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในห้องทำงานก็ตามที โดยอาศัยอุปกรณ์ครอบศีรษะ (Headset) เป็นตัวเชื่อมต่อ แค่ก็มีข้อเสียคือ ทำให้สูญเสียการควบคุมและตัดขาดจากโลกภายนอกเมื่อสวมใส่อุปกรณ์

.

.

และ VR ก็ได้ถูกพัฒนาต่อเนื่องเป็น AR (Augmented Reality) ที่ผู้ใช้ไม่ได้ย้ายตัวเองไปอยู่อีกที่หนึ่งเหมือน VR เราจะมองเห็นภาพรอบตัวได้เหมือนเดิม เพียงแต่จะมีภาพ หรือวัตถุเสมือนบางอย่างเกิดขึ้นมาเป็นส่วนเสริมและซ้อนทับกับความเป็นจริง ทำให้เมื่อสวมใส่อุปกรณ์ จะไม่ทำให้สูญเสียการควบคุมและตัดขาดจากโลกภายนอก เสียงที่ได้ยิน หรือภาพได้เห็น จะเป็นเพียงส่วนเติมแต่งเท่านั้น

.

.

ต่อมาได้พัฒนาเป็น MR หรือ (Mixed reality) ผู้ใช้มองเห็นโลกแห่งความเป็นจริง แบบ AR ในขณะที่มองเห็นวัตถุเสมือนแบบ VR แต่สามารถปฎิสัมพันธ์ได้ เหมือนดั่งโทนี่ สตาร์ค สั่งงานและขอข้อมูลจาก จาวิส ในชุดเกราะ IRON MAN

.

.

ถ้ามองอย่างผิวเผิน จะเห็นว่าเทคโนโลยี VR, AR, MR จะถูกพัฒนามาใช้ในการยกระดับอุตสาหกรรมความบันเทิงเท่านั้น  แต่ในความเป็นจริงแล้วเทคโนโลยีนี้มีข้อดีและศักยภาพที่แอบซ่อนอยู่ ปัญหาคือท่านจะนำมาผนวกเข้ากับเนื้อหาทางธุรกิจได้อย่างไร ?

.

.

หลักสูตร #DNAbySPU3 ได้รับเกียรติจากคุณจิตต์สุภา ฉิน หรือซู่ซิง ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ทางวอยซ์ทีวี, คอลัมนิสต์เชิงเทคโนโลยีสารสนเทศ ประจำนิตยสารข่าวมติชนสุดสัปดาห์และนักแปล มาชวนคุยในหัวข้อเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีโลกเสมือน VR AR และ MR ในการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและเพิ่มมูลค่าสินค้า

.

.

เป็นตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อว่า ภายในปี 2018 คาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้ VR กว่า 171 ล้านคน และ AR / VR อาจมีรายได้การตลาดสูงถึง 150 พันล้านเหรียญภายในปี 2020 โดย AR จะมีมูลค่าประมาณ 120 พันล้านเหรียญและ VR ประมาณ 30 พันล้านเหรียญ ในส่วนของการการพัฒนาก็มีการพัฒนาในอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2012 มีแอพ AR กว่า118 ล้านแอพที่ถูกดาวน์โหลด และคาดว่าจะสูงถึง 3.5 พันล้านแอพในปี 2018 เลยทีเดียว

.

.

ด้วยตัวเลขที่เย้ายวนนี้จึงมีหลายๆ แบรนด์หยิบจับเทคโนโลยีนี้มาผนวกเข้ากับเนื้อหาทางธุรกิจของตน เพราะนวัตกรรมนี้ถูกพิสูจน์แล้วว่ามีศักยภาพ สามารถตีวงกว้างไปถึงธุรกิจมากมายและสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตมนุษย์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การแพทย์ หรือแม้แต่การใช้เป็นสื่ออบรมพนักงานภายในองค์กร

.

.

69% ของผู้ที่ใช้เทคโนโลยีนี้เชื่อว่านวัตกรรมนี้จะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆได้ บริษัท Osso VR จึงได้สร้างโลกจำลองสำหรับการเรียนรู้วิธีการผ่าตัดและวิธีรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่มีโอกาสเกิดขึ้น ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้เรียนรู้ไว้ก่อนเพื่อวางแผนรับมือก่อนที่สถานการณ์จะเกิดขึ้นจริง  เช่นเดียวกับ Walmart ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ได้นำเทคโนโลยี VR มาช่วยในการฝึกอบรมพนักงานของบริษัท เพื่อดูการตัดสินใจของพนักงานเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ

.

.

ในปี 2014  IKEA ได้เปิดให้ดาวน์โหลดแคตตาล็อกสินค้า แต่ไม่ใช่แคตตาล็อกธรรมดาทั่วไป แต่เป็น Augmented reality app ให้ท่านสามารถทดลองดูว่า เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นๆ เมื่ออยู่ในที่ที่ต้องการแล้วจะเป็นอย่างไร ทำให้ท่านได้เห็นภาพเฟอร์นิเจอร์ที่จะซื้อ วางในห้องที่เราต้องการได้จริงๆ ก่อนตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องอาศัยจินตนาการแค่อย่างเดียว

.

.

ทีมกีฬาชั้นนำเริ่มมีการนำเทคโนโลยี  Augmented reality  มาใช้โดยเฉพาะเพื่อสร้างสีสันและสร้างการมีส่วนร่วมกันระหว่างทีมกีฬากับแฟนๆ เช่น ทีมฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิก เปิดฟีเจอร์ AR ให้แฟนกีฬาสามารถฉายภาพของ มานูเอล นอยเออร์ หรือ อาร์เยน ร็อบเบน บนพื้นผิวเรียบๆ เช่น โต๊ะ พื้น ผนัง กำแพง และเชิญชวนให้แฟนๆ ร่วมจับภาพสกรีนช็อตของนอยเออร์ และร็อบเบน และติดแฮชแท็ก  #fcbayARn บนโซเชียลมีเดีย  เพราะผู้บริหารเชื่อว่า สิ่งนี้เป็นสีสันที่ทำให้แฟนๆ ได้ใกล้ชิดกับนักฟุตบอลที่พวกเขารักมากขึ้น

.

.

และในอนาคต  Microsoft กำลังพัฒนาแว่น MR มาใช้ร่วมกับ Window10 ในชื่อ Windows Mixed Reality อุปกรณ์ที่จะทำให้เราสามารถชมภาพแบบ 3 มิติ เพื่อสร้างประสบการณ์แบบ Mixed Reality พร้อมกันนี้ยังได้จับมือกับบริษัทผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี MR ที่ชื่อว่า Taqtile ร่วมกัน เปิดตัวอุปกรณ์ที่เรียกว่า HoloLens ที่นำมาใช้กับการชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกอล์ฟ PGA Tour ที่ทำให้แฟนๆ ได้เห็นว่าสนามแข่งขันกอล์ฟที่นักกีฬาแข่งขันกันอยู่นั้น หน้าตาเป็นอย่างไร กว้างขนาดไหน และมีหลุมทรายอยู่ตรงไหนบ้าง 
​
.

.

เทคโนโลยีอนาคตเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่แค่สิ่งเดียว คือ เปลี่ยนสิ่งที่แต่ละคนสามารถตีความตามประสาทสัมผัสของแต่ละบุคคล มาเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจและมองไปในทิศทางเดียวกัน อยู่ที่ท่านแล้วว่า ท่านจะหยิบฉวยโอกาสนี้ไว้ได้หรือไม่ ? เพราะตอนนี้ปัจจัยขับเคลื่อนไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือแต่คือจินตนาการ

.

.

“จิตวิญญาณแห่งการท้าทายไม่มีวันพบทางตัน ไม่ใช่เพราะมีเส้นทางจึงก้าวเดิน แต่เพราะก้าวเดินจึงมีเส้นทาง” - ดร. ไดซาขุ อิเคดะ ประธานของสมาคมสร้างคุณค่าสากล (Soka Gakkai International: SGI)

.

.  

#itsyouYOU 

.

.

Reference : https://goo.gl/pjtvBg

.

.

หมายเหตุ
1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNA3bySPU
2. ข้อมูล EP.2 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณจิตต์สุภา ฉินหรือซู่ซิง ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ทางวอยซ์ทีวี, คอลัมนิสต์เชิงเทคโนโลยีสารสนเทศ ประจำนิตยสารข่าวมติชนสุดสัปดาห์และนักแปล มาชวนคุยในหัวข้อเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีโลกเสมือน VR AR และ MR ในการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและเพิ่มมูลค่าสินค้า

.

.

#Speaker #DNA3bySPU 24 March 2018

.

.

จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU

www.DNAbySPU.com

ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
Picture
Picture
0 Comments

#DNAjournal3 #EP1 “เมื่อโลกยิ่งซับซ้อน…. เรายิ่งต้องทำตัวให้เรียบง่าย”

4/1/2018

0 Comments

 
Picture
Picture
#DNAjournal3 #EP1
​
.

.
​
“เมื่อโลกยิ่งซับซ้อน…. เรายิ่งต้องทำตัวให้เรียบง่าย”


เชื่อว่าทุกท่านคุ้นชินกับคำว่า Disruption กันอยู่แล้ว แต่หลายๆท่านอาจจะเคยตั้งคำถามและนึกสงสัยว่าจริงๆแล้ว Disruption คืออะไร ? แล้วทำไมหลากหลายธุรกิจถึงเกรงกลัวกับสิ่งนี้นัก

.

.

ถ้าสืบค้าคำแปลใน Google คำว่า Disruption นั้น จะมีคำจำกัดความว่า “การหยุดชะงัก” แต่ถ้าดำดิ่งลึกลงไปมากกว่าคำจำกัดความแล้ว ท่านจะพบกับความหมายที่แปลว่า “การรื้อถอน” 

.

.

ท่านลองหลับตาและจินตนาการถึงภาพของธุรกิจแบบดั้งเดิมที่เคยรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ในอดีต มีหลากหลายธุรกิจมากที่เปรียบเสมือนประเทศแห่งหนึ่งที่สามารถสร้างอาณาจักรได้และมีแสนยานุภาพจนสามารถล่าอาณานิคมมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศตนได้ จนกลายเป็นมหาอำนาจแต่ตอนนี้กลับล้มหายตายจากไปเหลือแต่เพียงความทรงจำ

.

.

ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า Circuit city ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องทยอยปิดสาขาลงมาก เพราะผู้ใช้หันไปซื้อสินค้าทางออนไลน์แทน ร้านเช่าวีดีโอชื่อดัง Blockbuster ที่ส่งมอบความบันเทิงในรูปแบบของการเช่าวีดีโอ ที่มีกิ่งก้านสาขากระจายไปทั่วโลก ก็ตัดสินใจหยุดกิจการในรูปแบบเดิม และปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจมุ่งสู่ธุรกิจสตรีมมิ่ง (Streaming) แทนธุรกิจในรูปแบบเดิม

.

.

ไม่เลย ! พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้เดินเกมส์อย่างไม่ถูกต้องหรือบริหารงานผิดพลาด แต่กลับถูกลงโทษโดยโลกใบนี้ คำถามคือ “ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?”

.

.

คำตอบอาจจะเป็นไปได้หลากหลายและมีมากมายสาเหตุตามแต่หลักการของผู้เชี่ยวชาญที่จะใช้วิเคราะห์ แต่หนึ่งในสาเหตุเหล่านั้นคือ “พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป” ซึ่งสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงมาจากพื้นฐานของเทคโนโลยีดิจิทัล

.

.

เทคโนโลยีดิจิทัลนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้พฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนเรารับข่าวสารของโลกผ่านทางหนังสือที่สามารถจับต้องได้ (Physical book) แต่วันนี้เราสามารถรู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาช้ากว่าคนที่อยู่ในพื้นที่แค่ไม่กี่วินาที ด้วยสื่อดิจิทัลและโซเชี่ยลมีเดีย

.

.

ทุกวันนี้ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า โลกกำลังถูกพันด้วยลายไฟของเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้โลกใบนี้หมุนเร็วขึ้น และซับซ้อนยิ่งขึ้น และผลจากความเร็วนั้นสามารถแบ่งธุรกิจและผู้ประกอบการได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ นั่นคือ “ผู้ที่ได้ประโยชน” ซึ่งจะพบกับความเติบโตที่ยิ่งใหญ่และรวดเร็ว และ “ผู้ที่เสียประโยชน์” ที่จะต้องพบกับการโดนรื้อถอนออกไปให้เหลือเพียงแค่ความทรงจำ

.

.

แล้วธุรกิจของท่านล่ะ จะรับมือกับความท้าทายในครั้งนี้ได้อย่างไร ?

.

.

หลักสูตร #DNA3bySPU ได้รับเกียรติจาก คุณอำนาจ รัตนมณี
​
ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือเดินทาง และ 100 IDOLS บุคคลสาธารณะ โดย ADAY 2551 มาร่วมแลกเปลี่ยนบทสนทนากันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้เรียนได้ทราบและเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายความว่าจะต้องน่าเหน็ดเหนื่อยและยุ่งยากซับซ้อนเสมอไป แต่สามารถทำให้สนุกได้ด้วยการทำตัวให้เรียบง่ายและเดินไปในอัตราความเร็วที่เหมาะสมกับตัวเอง

.

.

เป็นความจริงที่ว่าทุกวันนี้เราถูกแวดล้อมด้วยสื่อดิจิทัล ซึ่งเป็นผลทำให้พฤติกรรมของคนในทุกวันนี้ รับสื่อผ่านทางสื่อดิจิทัล ทำให้อุตสาหกรรมสื่อที่คุ้นเคยถูกรื้อถอนไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และส่งผลให้ผู้รับประโยชน์ทางอ้อมจากอุตสาหกรรมสื่อคือ “ร้านหนังสือ” ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย บางที่ต้องลดคน บางที่ต้องลดสาขา และบางที่ต้องปิดกิจการ

.

.

และซ้ำร้ายกว่านั้นถ้าไปศึกษาในเชิงลึกจะพบว่าในสังคมไทยไม่ได้นิยมวัฒนธรรมส่งต่อความรู้ในรูปแบบการอ่านหนังสือ แต่โปรดปรานวัฒนธรรมการส่งต่อความรู้ผ่านช่องทางบันเทิงเสียมากกว่า ถ้าท่านไม่เชื่อลองสังเกตตัวเองว่าที่ท่านจำบุคคลในประวัติศาสตร์ได้นั้น มาจากหนังสือประวัติศาสตร์ที่ท่านเคยอ่านสมัยเรียนหรือละครที่ท่านเคยได้ดู

.

.

แต่โลกใบนี้ถ้าจะไม่มีร้านหนังสือเลยคงเป็นไปไม่ได้ และเหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอเมื่อร้านหนังสือขนาดใหญ่หรือ Chain store ได้ถูกลดบทบาทลงไปแต่กลับมี “ร้านหนังสืออิสระ” ที่เจิดจรัสและโดดเด่นขึ้นมาแทนที่ และถ้าท่านศึกษาต่อและทำการถอดแบบ “ร้านหนังสืออิสระ” ที่อยู่ทั่วโลกจะพบว่า ร้านเหล่านั้นมีอยู่สิ่งหนึ่งที่มีอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าร้านเหล่านั้นจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

.

.

สิ่งนั้นคือ อิคิไก (Ikigai 生き甲斐 ) หรือถ้าแปลเป็นไทยคือ “เหตุผลของการดำรงอยู่” ฝังดูเผินๆเหมือนปรัชญาหรือวิธีคิดส่วนบุคคล ที่จะสร้างความมั่งคั่งและความสุขให้แก่ผู้ยึดถือในหลักการนี้ แต่จริงๆแล้ว อิคิไกถูกสร้างขึ้นมาให้อยู่ในหมวดแนวคิดเชิงสังคม (Social concept) ซึ่งสื่อถึงความหมายที่แผงอยู่ว่า “ถ้าจะใช้ชีวิตให้มีความหมาย ท่านต้องรู้จักให้มากกว่าที่จะรู้จักรับ”

.

.

ในหนังสือ “Ikigai” โดย Ken Mogi นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองชื่อดัง ได้เข้าไปสำรวจความหมายของอิคิไกว่ามีความหมายอย่างไรในแต่ละคน ? โดยพื้นที่ของการสำรวจคือ จังหวัดโอกินาว่า ซึ่งเป็นบริเวณที่มีคนอายุเกิน 100 ปีอาศัยอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่ง คำตอบมีหลากหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามปัจเจกบุคคล แต่โครงสร้างล้วนเหมือนกันคือ “การมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อทำหน้าที่ของตนเองเพื่อผู้อื่น”

.

.

อาจารย์สอนคาราเต้วัย 100 มีชีวิตอยู่เพื่อดูแลศิลปะป้องกันตัวนี้ให้มั่นคงยั่งยืน ชาวประมงวัย 102 ปี ยังออกไปจับปลาทุกวันเพื่อมาเลี้ยงครอบครัว ทั้งสองท่านทำหน้าที่นี้อย่างเต็มไปด้วยความสุข เช่นเดียวกัน คุณหนุ่มมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าหนังสือนั้นเป็นภาชนะที่ดีที่สุดที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง นั่นคือสาเหตุว่าทำไม “ร้านหนังสือ” ถึงยังจำเป็นอยู่ในโลกใบนี้ ถึงแม้ว่าคนรอบข้างจะแสดงความไม่เห็นด้วยก็ตามที

.

.

หนังสือเปรียบเสมือนประตูที่จะช่วยให้บางคนเข้าไปในพื้นที่หรือดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้น ใน“ร้านหนังสือเดินทาง” จึงไม่ได้ขายแต่หนังสือประเภทเดินทางท่องเที่ยวเท่านั้น แต่รวมไปถึงหนังสือที่นำไปสู่การเดินทางของจินตนาการและการเข้าถึงศาสตร์ใหม่ๆที่คนทั่วๆไปไม่คุ้นเคย เช่น สถาปัตยกรรม วิทยาศาสตร์ กายวิภาคเป็นต้น

.

.

มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาเป็นสัตว์สังคม จึงถูกดึงดูดเข้าหาคนที่มีแนวความคิดคล้ายกัน “ร้านหนังสือ” เดินทางจึงสามารถดึงดูดผู้ที่มีความคิดและรสนิยมคล้ายกัน มาอยู่ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อได้ รวมถึงยังสามารถดึงดูดสื่อยักษ์ใหญ่ให้มาทำข่าวโดยไม่คิดมูลค่าได้

.

.

ถ้าท่านอยากจะหาว่า อิคิไก ของท่านคืออะไร ท่านไม่ต้องมองไปที่ไหนไกลหรืออาศัยความช่วยเหลือของไลฟ์โค้ชที่ไหน เพียงแค่ท่านสังเกตว่า อะไรคือสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ท่านมีความสุข ถึงแม้ว่าไม่มีมูลค่าเชิงเศรษฐกิจแต่กลับเติมเต็มคุณค่าในใจทำให้ท่านอบอุ่นในหัวใจได้

.

.

และเมื่อท่านพบแล้วว่า อิคิไก ของตนเองคืออะไร สิ่งเล็กน้อยนั้นจะทำให้ท่านสามารถตระหนักถึงคุณค่า ความงาม ความน่าพึงพอใจในสิ่งที่ทำได้ และเข้าใจว่ารางวัลความสุขมีค่ามากกว่ารางวัลความสำเร็จ

.

.

#itsyouYOU 

.

.

Reference : The Little Book of Ikigai: The secret Japanese way to live a happy and long life เขียนโดย Ken Mogi

.

.

หมายเหตุ

1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU

2. ข้อมูล EP.1 ต่อยอดจากการบรรยาย ของ คุณอำนาจ รัตนมณี ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือเดินทาง และ 100 IDOLS บุคคลสาธารณะ โดย ADAY 2551 มาร่วมแลกเปลี่ยนบทสนทนากันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้เรียนได้ทราบและเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายความว่าจะต้องน่าเหน็ดเหนื่อยและยุ่งยากซับซ้อนเสมอไป แต่สามารถทำให้สนุกได้ด้วยการทำตัวให้เรียบง่ายและเดินไปในอัตราความเร็วที่เหมาะสมกับตัวเอง

.

.

#Speaker #DNA3bySPU 18 March 2018

.

.

จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU

www.DNAbySPU.com

ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
Picture
Picture
0 Comments

    DNAbySPU

    หลักสูตรพัฒนาพันธุกรรม
    ​ทางความคิด

    สาขาการจัดการธุรกิจดิจิทัล คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

    www.DNAbySPU.com
     089-4883655

    Archives

    June 2019
    May 2019
    April 2019
    March 2019
    February 2019
    January 2019
    November 2018
    October 2018
    September 2018
    August 2018
    July 2018
    June 2018
    May 2018
    April 2018
    January 2018
    December 2017
    November 2017
    October 2017
    September 2017

    Categories

    All

    RSS Feed

Powered by Create your own unique website with customizable templates.
  • Home
  • ​Speaker
  • สมัคร #DNAbySPU รุ่นที่ 8
  • Alumni's Opinions
  • DNA JOURNAL
  • INFOGRAPHIC
  • #MottoTH
  • Privacy Policy
  • BLOG DNA7bySPU