DNA by SPU
  • Home
  • ​Speaker
  • สมัคร #DNAbySPU รุ่นที่ 8
  • Alumni's Opinions
  • DNA JOURNAL
  • INFOGRAPHIC
  • #MottoTH
  • Privacy Policy
  • BLOG DNA7bySPU

#DNAjournal3 #EP10 สร้างมูลค่าสินค้าด้วยภาพถ่าย

6/25/2018

0 Comments

 
Picture
Picture
#DNAjournal3 #EP10

สร้างมูลค่าสินค้าด้วยภาพถ่าย

.

.

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทำให้คนรู้จักแบรนด์และสินค้าของท่านคือวิธีการนำเสนอผ่านทางภาพถ่าย เปรียบเสมือนหน้าต่างบานแรกที่ลูกค้าจะได้สัมผัสแบรนด์ ถ้าภาพถ่ายออกมามีคุณภาพดี สินค้าชิ้นนั้นก็จะดูมีมูลค่าราคาแพง แต่ถ้าภาพออกมาไม่สวยงามนัก สินค้าก็จะดูด้อยค่าลงไปในสายตาของลูกค้า

.

.

ในโลกของการซื้อสินค้าออนไลน์ ลูกค้าไม่มีโอกาสจับต้องและมองเห็นตัวสินค้าจริงได้ ต้องเลือกซื้อของผ่านภาพถ่ายและคำบรรยายเท่านั้น ดังนั้นรูปสินค้าสวยๆ และข้อมูลที่ครบถ้วนนั้น จะช่วยเสริมจุดเด่น ลดจุดด้อยสินค้า เป็นการเพิ่มมูลค่าให้ตัวสินค้าและมีผลทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายและรวดเร็วแบบที่หลายคนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

.

.

การถ่ายภาพสินค้านั้นเอาเข้าจริง จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เหตุผลที่ว่าง่ายเพราะตอนนี้ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ กล้องจากสมาร์ทโฟนก็พัฒนาความสามารถให้สูงขึ้นแถมมีสารพัดฟังก์ชั่นให้แต่งรูปครบครัน ไม่แพ้กล้องที่มีราคาแพงของมืออาชีพ ถ้าต้องการข้อมูลทักษะอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ก็สามารถหาคำตอบได้จากอินเตอร์เน็ต แต่ที่ว่ายากคือพอถ่ายออกมา หลายครั้งไม่สวยถูกใจเหมือนรูปที่เห็นในนิตยสาร

.

.

ทำไมภาพสินค้าที่ถ่ายส่วนใหญ่ออกมามืด ไม่สว่างสดใสอย่างที่ควรจะเป็น ? ทำไมโฟกัสแล้วภาพออกมาเบลอทั้งสินค้าและฉากหลัง ? ไม่มีสตูดิโอแล้วจะถ่ายสวยได้ไหม ? จะจัดไฟอย่างไรดี ? จะถ่ายให้สินค้าดูมีชีวิตชีวาได้อย่างไร ? ชุดคำถามเหล่านี้ล้วนมาจากพ่อค้าแม่ขายที่ได้ลองถ่ายภาพสินค้าด้วยตนเอง แล้วเริ่มถอดใจจะหันหน้าไปหามืออาชีพ

.

.

ถึงแม้ว่าราคาการจ้างงานมืออาชีพหรือฟรีแลนซ์ในการถ่ายภาพสินค้าให้ออกมาสวยจะมีราคาที่ถูกลง แต่ในความเป็นจริง ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น ท่านก็สามารถถ่ายออกมาให้ดูดีได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง และได้ภาพที่มีคุณภาพไม่แพ้มืออาชีพ เพียงแค่ต้องอาศัยเทคนิคเล็กน้อยเท่านั้น

.

.

หลักสูตร #DNA3bySPU ได้รับเกียรติจากคุณสิรภพ วรรณทอง ช่างภาพมืออาชีพ และ Founder at GolfSirapop Photo มาช่วยอธิบายถึงขั้นตอนของการถ่ายภาพสินค้าที่ยอดเยี่ยมด้วยสมาร์ทโฟน โดยไม่ต้องพึ่งกล้องราคาแพงและอุปกรณ์ที่เกินความจำเป็น
 
.

.

คำว่า Photography นั้นเกิดจากการผสมผสานของภาษากรีก 2 คำ คือ Phos หมายถึง “แสงสว่าง” Graphein หมายถึง “การเขียน” เมื่อมาควบรวมกันจึงหมายถึง “การเขียนด้วยแสงสว่าง” ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทุกครั้งในการถ่ายภาพมีด้วยกัน 3 ประการคือ คือ 1.แสง (Lighting) 2.การจัดองค์ประกอบของภาพ (Composition) และ 3.การโฟกัส (Focus)

.

.

แสงที่เหมาะที่สุดในการถ่ายภาพคือ “แสงธรรมชาติ” เวลาที่ดีที่สุดจะเป็นช่วงเช้าประมาณ 8-9 โมง และช่วงเย็น 4-5 โมง เพราะแสงไม่แรงจนเกินไปและมีปริมาณแสงที่เพียงพอต่อการถ่ายภาพ แสงธรรมชาติจะให้ภาพสินค้าออกมาชัดเจน สว่าง และสีตรงกับสินค้าจริง แต่โดยทั่วไประบบวัดแสงในโทรศัพท์มือถือจะมีการผันแปรอยู่พอสมควร ถ้าโทรศัพท์ที่เป็นแอนดรอยด์จะมีการชดเชยให้แสงโอเวอร์ อยู่ประมาณ 15 % ในขณะที่ IOS แสงจะดรอปไป 10 % ในการแก้ปัญหานี้จะต้องเข้าไปดูในฟังก์ชั่นที่เป็นฟิลเตอร์ และเข้าไปปรับจะทำให้ระบบการวัดแสงใกล้เคียงกะสภาพแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

.

.

การจัดองค์ประกอบภาพให้ยึดถือในกฏสามส่วน ซึ่งถูกค้นพบโดยปีทาโกรัส นักคณิตศาสตร์ชาวกรีก ที่อ้างอิงจากทฤษฎีระบบสัดส่วนที่ดีที่สุดในการมองเห็นของมนุษย์ ซึ่งได้ถูกพัฒนาเป็น “จุดตัด 9 ช่อง” หลักในการวางองค์ประกอบที่ต้องการจะเน้นไว้บนจุดตัดจุดใดจุดหนึ่งจะทำให้ดูน่าสนใจขึ้น

.

.

อีกเทคนิคในการจัดการจัดองค์ประกอบภาพ ที่ทำให้ภาพถ่ายดูมีชีวิตชีวามากขึ้นก็คือ “ถ่ายภาพสินค้าคู่กับพร็อพ” เช่น การนำเสนอภาพถ่ายที่โชว์การใช้งานของสินค้าโดยหานางแบบมาใส่กระโปรง จัดวางเมล็ดกาแฟบนแก้วกาแฟ จัดชุดโทนสีที่เข้ากับนาฬิกา หรืออุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ ที่สอดคล้องกับบรรยากาศเรื่องราวการนำเสนอ นอกจากจะทำให้ภาพดูน่าสนใจขึ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าในการใช้งานจริง

.

.

กล้องในปัจจุบันนี้เฉลียวฉลาดมากก็จริง แต่หลายๆ ครั้งโหมด “โฟกัสอัตโนมัติ” (Auto Focus) ก็ไม่สามารถเดาใจผู้ใช้ได้ถูกต้องเสมอไป ดังนั้นอย่ารีบร้อนรีบเก็บภาพจนเกินไป แตะหน้าจอบริเวณที่จะโฟกัสเสียก่อน รอดูสักนิดให้มั่นใจว่ากล้องจับโฟกัสได้แล้วจึงค่อยกดถ่าย ถ้าต้องถ่ายรูปคนจะต้องทำการโฟกัสที่ตาเสมอ ถ้าถ่ายรูปบรรจุภัณต้องโฟกัสที่แบรนด์ ถ้าถ่ายรูปบรรจุภัณท์ที่มีผลิตภัณท์ต้องโฟกัสที่ผลิตภัณท์

.

.

และที่สำคัญต้องลองฝึกฝีมือถ่ายบ่อยๆ และสนุกไปกับการถ่ายภาพ เพราะถ้าหมดความสนุกแล้ว ภาพที่ออกมาก็จะไม่ดี การจะทำให้ฝีมือพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ต้องอาศัยการทำซ้ำๆ ทดลองอะไรใหม่ๆ จนชินมือ และความสนุกสนานเป็นแรงผลักดันผลงาน เมื่อใดที่อุดมไปด้วยสองสิ่งนี้แล้ว ผลงานย่อมออกมาดีแน่นอน

.

.

#itsyouYOU

.

.
 
หมายเหตุ
1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU
2. ข้อมูล EP.10 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณสิรภพ วรรณทอง ช่างภาพมืออาชีพ และ Founder at GolfSirapop Photo มาช่วยอธิบายถึงขั้นตอนของการถ่ายภาพสินค้าที่ยอดเยี่ยมด้วยสมาร์ทโฟน โดยไม่ต้องพึ่งกล้องราคาแพงและอุปกรณ์ที่เกินความจำเป็น

.

.

#Speaker #DNA3bySPU 5 May 2018

.

.

จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU

www.DNAbySPU.com
​
ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
Picture
Picture
0 Comments

#DNA3JOURNAL #EP9High Tech & High Touch อุดมการณ์บนเส้นทางนวัตกรรม

6/18/2018

0 Comments

 
Picture
Picture
#DNAjournal3 #EP9

High Tech & High Touch อุดมการณ์บนเส้นทางนวัตกรรม

.

.

นาทีนี้เชื่อแน่ว่าองค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ตื่นตัวในเรื่องการนำ “เทคโนโลยี” เข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจ ช่วยขยายตลาดให้สามารถไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น วิทยาการที่ล้ำหน้า นวัตกรรมที่นำสมัย และความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ที่สิ้นสุดเปรียบได้กับอาวุธสำคัญทางการแข่งขันที่ขาดไม่ได้เพื่อจะสร้างความเป็นต่อในโลกของการค้า

.

.

ทุกวันนี้เราเห็นว่ามี “ดิจิตอลยักษา” (Digital Giant) ซึ่งก็คือ Platform ขนาดใหญ่ที่เป็นเจ้าของข้อมูลมหาศาล (Big Data) แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาแปลงให้เป็นแบบแผนวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) เพื่อทำนายพฤติกรรมในอนาคต แล้วจึงประยุกต์ใช้แบบแผนเหล่านั้น เพื่อกันลูกค้าเก่าไม่ให้ออกไปจากธุรกิจ รวมถึงอาศัยฐานข้อมูลที่มีขยายตัวออกไปสู่ธุรกิจข้างเคียงได้โดยง่าย ยักษาเหล่านั้นขยับตัวทีไร โลกต้องสั่นสะเทือนทุกที สร้างความหวาดหวั่นให้แก่คู่ค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดิมและอุตสาหกรรมข้างเคียง

.

.

Artificial Intelligence หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” เป็นเรื่องที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกและมีการพูดถึงมากใน 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าเราอาจจะคุ้นชินกับภาพของจักรกลที่ไร้ความควบคุมและมุ่งหวังที่จะครอบครองโลกจากจอภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ภาพนั้นเสมือนจริงมากจนทำให้เราไม่ค่อยอยากยุ่งกับสิ่งนั้น แต่สิ่งนั้นได้มายืนอยู่ที่นี่แล้วในหลากหลายอุตสาหกรรมเสียด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต ด้านการแพทย์ ด้านการตลาด การขายและการบริการลูกค้า ตอนนี้ปัญญาประดิษฐ์อยู่ใกล้เรามากกว่าที่เราคิด

.

.

เทคโนโลยีที่สามารถส่งคนไปในอีกอาณาจักรหนึ่งได้อย่าง Virtual Reality และเทคโนโลยีที่เพิ่มสภาพแวดล้อมทางกายภาพโดยการซ้อนทับเนื้อหาท่ามกลางวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริงอย่าง Augmented Reality นั้นถูกทำนายว่าอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมโฆษณาและความบันเทิง เพราะเทคโนโลยีเหล่านั้นสามารถทำให้ผู้รับสารนั้น สามารถ “รู้สึกและเข้าถึงสาร” ได้มากกว่าการเห็นและได้ยินเพียงอย่างเดียว

.

.

แม้ว่าเทคโนโลยีในโลกใบนี้จะพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนตามไม่ทัน แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายท่านต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ถึงแม้วิทยาการจะก้าวล้ำหน้าไปเพียงใด แต่ก็จะยังไม่สามารถเติมเต็มและแทนที่ “บางสิ่ง” ของมนุษย์ได้

.

.

หลักสูตร #DNA3bySPU ได้รับเกียรติจากคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด และ Technology Firm Executive Director มาแบ่งปันแนวคิดในการปรับโมเดลธุรกิจที่มีมูลค่าติดลบ 100 ล้านบาทสู่การเป็นผู้ผลิตน้ำมันรำข้าวอันดับ 5 ของโลก

.

.

Empathy หรือ “ความเข้าอกเข้าใจ” นั้นเป็นทักษะสุดพิเศษของมวลมนุษย์ เปรียบได้กับบ่อเกิดของสังคมโลก เป็นบันไดขั้นแรกสู่การคิดค้นประดิษฐ์สิ่งที่น่าชื่นชมและนวัตกรรมต่างๆ ถ้าปราศจากทักษะดังกล่าว แม้ว่าท่านจะเป็นเจ้าของวิทยาการที่ล้ำหน้าได้แล้ว บริษัทท่านอาจถูกขนานนามว่าก้าวไกลและไฮเทค แต่ก็เสมือนจักรกลที่ไร้ชีวิต

.

.
​
Empathy นั้นเป็นคุณสมบัติพิเศษที่ธรรมชาติมอบให้แต่ละคนในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ซึ่งความหมายของ Empathy นั้นมีละม้ายคล้ายคลึงกับคำว่า High Touch จากหนังสือชื่อ High Tech High Touch: Technology and Our Search for Meaning เขียนโดย John Naisbitt 

.

.

บางคนเขียนโปรแกรมเก่ง แก้ปัญหาทางเทคนิคได้สารพัด เรียกว่าเป็นพวกกลุ่มคน “ไฮเทค” (High Tech) แต่บางคนก็ไม่เก่งด้านเทคนิค แต่เก่งเรื่องคน มีความเข้าอกเข้าใจ เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนได้มากกว่า คนกลุ่มนี้เรียกว่า “ไฮทัช”  (High Touch)  คนที่มีความ High Touch อยู่ในตัวคือ คนที่มีความตระหนักสูงในความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ อารมณ์และความต้องการ การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ในขณะที่สายเทคนิคจะเก่งเรื่องการปฏิสัมพันธ์ระหว่างวงจรของเครื่องจักรกลไก

.

.

มนุษย์พันธุ์ผสมระหว่าง High Tech และ High Touch นั้น อาจจะหาได้ยากในคนๆเดียว แต่ถ้าเป็นแง่มุมของทีมนั้น องค์กรที่มีโอกาสก้าวไปได้ไกลที่สุด ก็คือองค์กรที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างศาสตร์ “เก่งคน” และ “เก่งเครื่อง” ได้ แล้วสามารถหยิบจับทักษะทั้งสองมารวมกันและผลักดันให้ออกมาเป็นสินค้าบริการหรือโซลูชั่นได้

.

.

ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันงดงาม  ทำให้สินค้าทางการเกษตรและสินค้าทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นผลิตผลของภูมิปัญญาไทย เช่น ข้าวไทย ถ้วยชามเบญจรงค์ เสื้อผ้าจากเส้นใยกัญชา  จะอุดมไปด้วยกลิ่นไอของวัฒนธรรมและคุณค่า ชาวต่างชาติต่างมองว่าสินค้าจากประเทศไทยเป็นของ “High Touch” ที่มีคุณค่า เปี่ยมไปด้วยรสนิยมและมีราคาแพง

.

.

แต่ในอดีต หลายภาคส่วนต้องการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตสินค้า จึงเชิญชวนต่างชาติที่ High Tech และเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องยนต์กลไก เข้ามาถ่ายทอด Know How เทคโนโลยี โดยมุ่งหวังว่าจะเกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ประเทศไทย ซึ่งในทางทฤษฎีก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่ในทางปฎิบัติกลับไม่ได้เป็นไปตามคาด เพราะบริษัทต่างชาติที่เข้ามาจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีชั้นสูงที่ถูกควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญต่างชาติและใช้แรงงานไทยเป็นส่วนประกอบเท่านั้น

.

.

ดังนั้นไม่ควรมองแค่ว่าการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้นั้นมีจุดประสงค์แค่อำนวยความสะดวกสบายและแบ่งเบาภาระของผู้ผลิตเท่านั้น แต่คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อ “สร้างมูลค่า” ให้มีคุณค่าที่เพิ่มขึ้น มีแต้มต่อมูลค่าราคาที่สูงขึ้น ซึ่งในการจะสร้างมูลค่าได้นั้น ต้องอาศัยศาสตร์ความเข้าอกเข้าใจ การส่งต่อความตั้งใจของผู้ขายไปยังความรู้สึกของผู้ซื้อ เป็นวิชามนุษย์ที่ยังไม่มีที่ไหนสอน และจักรกลจะไม่มีทางเข้าใจ เพราะจักรกลมีชีวิตแต่ไร้ซึ่งจิตใจ วิญญาณและความรู้สึก

.

.

การยืนหยัดอยู่บนเศรษฐกิจของโลกปัจจุบันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยทักษะของวิชามนุษย์ ผนวกเข้ากับเทคโนโลยี วิทยาการเครื่องยนต์กลไกสมัยใหม่ เพื่อสร้างสินค้าที่มีคุณค่าและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ทั้งสองฝั่งของ  High Tech และ High Touch ควรมีน้ำหนักที่สมดุล ไม่โอนเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งจนเกินไป ไม่เช่นนั้นนวัตกรรม สินค้าหรือบริการที่อุตสาหะคิดค้นมาและลงทุนไปอย่างมากมายนั้น อาจจะไร้ซึ่งความสมบูรณ์ เพราะขาดความเป็นมนุษย์นั่นเอง

.

.

#itsyouYOU 

.

.
 
หมายเหตุ
1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU
2. ข้อมูล EP.9 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด Technology Firm Executive Director มาแบ่งปันแนวคิดในการปรับโมเดลธุรกิจที่มีมูลค่าติดลบ 100 ล้านบาท สู่การเป็นผู้ผลิตน้ำมันรำข้าวอันดับ 5 ของโลก

.

.

#Speaker #DNA3bySPU 28 April 2018

.

.

จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU

www.DNAbySPU.com
​
ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
Picture
0 Comments

#DNA3journal #EP8Marketing Technology ผสานพลัง “การตลาด” “เทคโนโลยี”

6/9/2018

0 Comments

 
Picture
Picture
#DNA3journal #EP8

Marketing Technology ผสานพลัง “การตลาด” “เทคโนโลยี”

.

.

ในช่วงเวลานี้เราไม่อาจต้านทานและปฏิเสธได้เลยว่า “เทคโนโลยี” ได้พลิกโฉมการขายและการตลาดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการจัดการข้อมูลและบริหารสินค้า เสาะแสวงหาช่องทางใหม่ๆ รวมถึงการมองหาวิธีนำเสนอในรูปแบบที่แปลกตา ทำให้ตำราหลักการตลาดคลาสสิกที่เราเคยร่ำเรียนกันมา เช่น 4P คงจะไม่เพียงพออีกต่อไป ยิ่งเทคโนโลยีอยู่แวดล้อมตัวเราและมีผลต่อชีวิตมนุษย์ทุกคนมากขึ้นเท่าไหร่ พฤติกรรม ความต้องการและการรับรู้ของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปเท่านั้น

.

.

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ในอดีตตำราการตลาดสอนเราว่าผู้บริโภคก่อนจะตัดสินใจซื้อสินค้าแต่ละอย่างจะมีลำดับขั้นที่เป็น “เส้นตรง” (Linear Purchase) นั่นคือ เริ่มต้นจากการรับรู้ (Awareness) ตามด้วยสนใจ (Interest) ต้องการ (Desire) และลงมือซื้อ (Action) ซึ่งเรียกรวมๆ ว่า AIDA เป็นโมเดลรูปกรวยที่ อี.เซนต์. เอลโม ลูวิส ค้นพบในปี 1989 และถูกปรับใช้กับหนังสือการตลาดและการขายหลายต่อหลายเล่มทั่วโลก

.

.

แต่ตอนนี้ผู้บริโภคมีความละเอียดและซับซ้อนมากขึ้น พวกเขาตัดสินใจซื้อแบบที่ไม่เป็นเส้นตรง (Non-Linear) คือเห็นปุ๊บ ถูกใจ ซื้อปั๊บ รวมถึงยังมีอำนาจต่อรองมากขึ้นด้วยเป็นเท่าทวี อันเป็นผลจากการที่มีร้านค้ามากขึ้นที่ขายสินค้าเหมือนๆกัน ทำให้มีตัวเลือกมากขึ้น จึงเป็นเรื่องยากลำบากที่ผู้ประกอบการจะนำหลักการตลาดในอดีต มาจับระเบียบความคิดของผู้บริโภคในยุคนี้

.

.

การที่ผู้ประกอบการจะนำเสนอสินค้าและบริการให้ “ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา” นั้นจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีให้มากขึ้น เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การดำเนินธุรกิจมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีบริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัท หลากอุตสาหกรรม ลงทุนใน Marketing Technology จนมีการคาดการณ์ว่า ในอีกไม่กี่ปีปีข้างหน้า การลงทุนใน Marketing Technology จะเป็นอีกส่วนหนึ่งของการลงทุน

.

.

บริษัท Gartner หนึ่งในบริษัทจาก S&P500 ได้แสดงข้อมูลวิจัยที่ชี้ชัดว่า การใช้งบทางการตลาดของบริษัทต่างๆในปี 2016 พบว่า 27% ของงบการตลาด เป็นการลงทุนในด้านเทคโนโลยี นอกจากนั้น Gartner ยังให้ความเห็นว่า ในปี 2017 นี้ แนวโน้มการลงทุนใน Marketing Technology เป็นการลงทุนทางเทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่บริษัทจะลงทุนได้

.

.

อย่างไรก็ตาม เชื่อแน่ว่าหลายๆท่านไม่ได้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วยเงินทุนมหาศาล แล้วท่านจะยังสามารถหยิบจับ Marketing Technology มาต่อยอดและสร้างคุณค่าให้ผู้บริโภคได้หรือไม่ ?

.

.

หลักสูตร #DNA3bySPU ได้รับเกียรติจากคุณจอมทรัพย์ สิทธิพิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัท EXZY Company Limited ที่มาแนะนำถึงเคล็ดไม่ลับในการเลือกหยิบจับโซลูชั่นต่างๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ โดยที่ต้นทุนไม่สูงมาก เพื่อก้าวให้ไกลกว่าที่คู่แข่งจะตามทัน
.
.
Marketing Technology ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นเอกสิทธ์ิของบริษัทระดับบนที่อุดมไปด้วยเงินทุนมหาศาล แต่ในความเป็นจริงแล้วมีผู้พัฒนาโซลูชั่นในรูปแบบดังกล่าวอยู่มากมาย เว็บไซต์ chiefmartec.com ได้จัดทำแผนภาพรวบรวมรายชื่อโซลูชั่นด้าน Marketing Technology พบว่าในปัจจุบันมีมากถึง 4,000 บริษัท

.

.

ที่ผ่านมาผู้บริหารหลายท่านอาจมองว่า หน้าที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับองค์กรจะเป็นของฝ่ายการตลาดและการขายเท่านั้น แต่เรื่องราวของบริษัทที่ประสบความสำเร็จได้บอกว่า ในความเป็นจริงแล้ว ฝ่ายการตลาดมีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจาก “ผู้ชำนาญทางเทคโนโลยี” เพื่อพัฒนา Marketing Technology ที่ช่วยสร้างผลกำไรให้แก่องค์กร ช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

.

.

ดูจะเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะนำ “หลักการตลาด” ที่ขับเคลื่อนด้วยไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ มาผนวกรวมกับ “เทคโนโลยี” ที่เต็มไปด้วยเหตุและผล ศาสตร์ทั้งสองดูจะมีความขัดแย้งกันอยู่พอสมควร สิ่งที่มักเกิดขึ้นคือ เมื่อฝ่ายการตลาดจะต้องริเริ่มโครงการใหม่ๆ และสรุปกันภายในเรียบร้อยแล้ว จึงส่งไม้ต่อให้ “ผู้ชำนาญทางเทคโนโลยี” ดำเนินการต่อ ซึ่งในหลายๆครั้ง เทคนิคที่ฝ่ายการตลาดมองว่าเป็นเรื่องง่ายนั้น พอถึงมือผู้ชำนาญทางเทคโนโลยี กลับมองว่าไม่สามารถปฎิบัติได้จริง ฝ่ายการตลาดจึงต้องเสียเวลาไปคิดโครงการใหม่

.

.

ดังนั้นจะดีกว่าไหม ถ้าให้ผู้ชำนาญทางเทคโนโลยี เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของโครงการ เพื่อให้สามารถอภิปรายถึงความเป็นไปได้และหาทางออกร่วมกัน นอกจากนั้น ในระยะยาวยังเป็นการทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถติดตาม ตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที และทำให้โครงการของบริษัทดำเนินไปได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อตามแผนที่บริษัทได้วางไว้

.

.

ปัจจุบันการตลาดรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับเทคโนโลยีเรียบร้อยแล้ว บริษัทขนาดใหญ่ในต่างประเทศหลายร้อยบริษัท ได้เพิ่มตำแหน่ง Chief Marketing Technology (CMT) มนุษย์พันธ์ุผสมระหว่างผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีที่ค่อนข้างลึก และยังต้องมีความสนใจและความเข้าใจในด้านการตลาดด้วย เพื่อดูแลรับผิดชอบเรื่องการปรับใช้เทคโนโลยีทางการตลาดเพื่อเป้าหมายทางธุรกิจ คัดเลือก ตัดสินใจและประเมินผล ผู้ให้บริการ Marketing Technology จากภายนอกมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้องค์กร

.

.

ตำแหน่ง Chief Marketing Technology (CMT) อาจเป็นตำแหน่งที่ดูจะห่างไกลกับเราอยู่พอสมควร เพราะเมื่อพูดถึง Marketing Technology แล้ว บ้านเราจะมองไปในฝั่งของ 4P ที่เป็น Promotion เสียมากกว่า แต่ในความเป็นจริงเทคโนโลยีไม่ได้มีด้านเดียว และสามารถเชื่อมต่อได้กับหลายๆส่วนในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของการสร้าง Content หรือสร้างช่องทางในการ Engage กับลูกค้า (Create) การโปรโมตให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย (Connect) การบริหารจัดการ (Manage) ไปจนถึงการวัดผล (Measure) เมื่อท่านสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจของท่านแล้ว ท่านจะพบว่ารายจ่ายลดน้อยลง แต่กำไรกลับเพิ่มมากขึ้น

.

.

เทคโนโลยีช่างแสนดีเสียจริง

.

.

#itsyouYOU

.

.

หมายเหตุ
1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU
2. ข้อมูล EP.8 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณจอมทรัพย์ สิทธิพิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัท EXZY Company Limited ที่มาแนะนำถึงเคล็ดไม่ลับในการเลือกหยิบจับโซลูชั่นต่างๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ โดยที่ต้นทุนไม่สูงมาก เพื่อก้าวให้ไกลกว่าที่คู่แข่งจะตามทัน

.

.

#Speaker #DNA3bySPU 28 April 2018

.

.

จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU

www.DNAbySPU.com
​

ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
Picture
Picture
0 Comments

#DNAjournal3 #EP7 Live สาระ

6/3/2018

0 Comments

 
Picture
Picture
​#DNAjournal3 #EP7

Live สาระ

.

.

ข้อมูลจาก Statista บริษัทสถิติออนไลน์ระบุว่า ในปี 2559 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทยมีมูลค่า 2.5 ล้านล้านบาท ขณะที่ปี 2560 มูลค่าดังกล่าวอยู่ที่ 2.8 ล้านล้านบาท และจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ในทุกปี ตัวเลขดังกล่าวได้ส่งผลให้ให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดออนไลน์ใหญ่ที่สุดและมีศักยภาพที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

.

.

ปัจจัยที่เอื้ออำนวยและส่งเสริมให้ E-commerce มีขนาดใหญ่และเติบโตอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นไปได้หลายประการ เช่น การส่งเสริมให้จ่ายเงินผ่านระบบ Online Payment ที่ทำให้การชำระค่าสินค้าเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วและปราศจากซึ่งค่าธรรมเนียม รวมถึงระบบการขนส่ง (Logistic) ที่มีให้เลือกแบบส่งข้ามวัน หรือส่งด่วนภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดคือการเติบโตของ Social Commerce

.

.

Social Commerce คือ การทำธุรกิจผ่าน Social Media อย่างเช่น Facebook Instagram Line และ Twitter เป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์ที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ความนิยมดังกล่าวสอดคล้องกับสัดส่วนจำนวนผู้ใช้งาน Social Media ของไทยที่ค่อนข้างสูง โดยกรุงเทพฯ นับว่าเป็นเมืองที่มีจำนวนผู้ใช้งาน Facebook มากที่สุดในโลก จากการสำรวจของ PWC พบว่าสัดส่วนของผู้บริโภคออนไลน์ชาวไทยที่ซื้อสินค้าผ่าน Social Media มีอยู่สูงถึง 51%  เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกที่ 16%

.

.

พฤติกรรมของผู้ซื้อสินค้าผ่าน Social Commerce และ E-commerce ก็มีความแตกต่างกัน โดยผู้ซื้อสินค้าผ่าน Social Platform มักถูกสร้างแรงจูงใจในการซื้อสินค้าจากการพบสินค้าโฆษณาบน Social Media ที่ใช้ประโยชน์จาก “ระบบแนะนำสินค้า” (Recommendation System) ในการแสดงผลสินค้าที่ผู้บริโภคแต่ละรายมีแนวโน้มสนใจมากที่สุด
.
.
ขณะที่ผู้ซื้อสินค้าบน e-Market Place Platform มักมีความต้องการสินค้าอยู่ก่อนแล้วจึงเลือกหาสินค้า ทำให้สินค้าที่ผู้บริโภคซื้อผ่าน Social Media ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีมูลค่าไม่สูงนัก และไม่ต้องการบริการหลังการขายหรือรับประกันสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม เสื้อผ้าและรองเท้า ขณะที่สินค้าที่ต้องมีการวางแผนก่อนซื้อ อาทิ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน มักจะได้รับความนิยมบน e-Market Place Platform เสียมากกว่า

.

.

และเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2559 Facebook สื่อสังคมที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในโลก ได้ทำการออกฟีเจอร์ Facebook Live  ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเอากล้องที่ติดมากับสมาร์ทโฟน “ถ่ายทอดสด” ชีวิตตัวเองให้กับเพื่อนๆ ได้รับชม ซึ่งในตอนแรกนั้น Facebook ได้แจ้งว่าระบบ Live มีไว้ให้ผู้ใช้ได้แบ่งปันช่วงเวลาประทับใจเช่น งานแต่งงาน วันเกิด เพื่อให้เพื่อนและคนที่มีความหมายได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ธรรมชาติของการค้าขายคือ “ที่ไหนมีคน ที่นั่นย่อมมีเงิน”  จึงมีผู้ประกอบการไทยจำนวนไม่น้อยเชื่อมโยงกับการทำธุรกิจ และผลผลิตนั้นก็คือ การ Live ขายสินค้าซึ่งเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างสูง

.

.

การ Live ช่วยให้สินค้ามีพลังได้อย่างมหาศาล เป็นเหมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างสินค้าของท่านกับลูกค้าเป้าหมายได้ เพราะเวลาที่ท่านถ่าย Live VDO จะมีการแจ้งเตือนในฟีดข่าวของผู้ติดตามเพจให้ได้รับรู้ และถ้าท่าน Live ให้น่าสนใจและสนุกสนานน่าติดตาม จะสามารถดึงดูดให้ผู้ชมนั้นมี “ปฏิสัมพันธ์” (Engagement) เช่น การโต้ตอบ แสดงความเห็น หรือสอบถามได้เลยทันที ลูกค้าสามารถถามคำถามได้แบบเรียลไทม์ และได้คำตอบกลับไปทันที ไม่ต้องมารอคำตอบนานหลายวัน เหมือนส่งคำถามหรือความเห็นไปใน inbox หรือ email ลูกค้าส่วนมากจึงชื่นชอบการชม Live มากกว่าเข้าไปสั่งสินค้าในเพจ

.

.

ถึงแม้การ Live จะทำให้การแสดงสินค้ามีประสิทธิภาพสูงและยังได้รับประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ Social Media แต่คำว่า “Live” นั้นกลับเป็นคำใหม่ที่เพิ่งถูกสร้างขี้น จึงมีหลายต่อหลายท่านยังไม่ค่อยเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การจะทำ “Live” นั้นมีขั้นตอนอย่างไร? และจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด

.

.

หลักสูตร #DNA3bySPU ได้รับเกียรติจากคุณอรรถวิท ปัญญาภิญโญผล ผู้ก่อตั้ง B.A.S. ACADEMY ที่สามารถผสมผสานเทคโนโลยีและสอดประสานเข้ากับองค์ความรู้ที่มี เพื่อที่จะเปลี่ยนนักเรียนที่ไม่ชอบวิชาชีวะให้มาตกหลุมรักวิชาชีวะอีกครั้ง

.

.

ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีการสอน (Education Tech) สิ่งแรกที่เกิดขึ้นในโลกคงจะเป็น “ชอล์กและกระดานดำ” สื่อกลางที่ช่วยให้คุณครูสามารถถ่ายทอดจินตภาพออกมาและส่งไปถึงนักเรียนได้ อย่างไรก็ตาม โลกใบนี้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าเช่นเดียวกับเทคโนโลยีในการสอน ถ้าคุณครูไม่ปรับก็อาจถูกบังคับให้เปลี่ยน และเมื่อกระแสของโลกใบนี้มุ่งหน้าไปที่การถ่ายทอดสดหรือ “Live” แล้วทำไมคุณครูถึงไม่ลองใช้ประโยชน์จากวิทยาการนี้ล่ะ
.
.
การ Live นอกจากช่วยทำให้คุณครูไม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปสอนหน้าห้องตอนเจ็ดโมงเช้า ยังช่วยให้นักเรียนไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาเรียนที่โรงเรียน เพิ่มพลังสมาธิ สร้างความสะดวกสบาย และที่วิเศษที่สุดคือการ Live แต่ละครั้งยังช่วย เปิดโอกาสให้ผู้ที่ขาดทุนทรัพย์แต่มีความตั้งใจในการเสาะแสวงหาความรู้ สามารถเก็บเกี่ยวเคล็ดวิชาได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อลงทะเบียน โดยอาศัยแค่มีคอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เท่านั้น

.

.

ถ้ามองอย่างผิวเผิน การทำ Live นั้นเหมือนจะเป็นกิจกรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อแย่งชิงพื้นที่สื่อจากคอนเทนท์ที่หลากหลายใน Social Media แต่โดยแท้จริงแล้ว กลับแฝงไปด้วยปรัชญาของหลักการขายที่ยิ่งใหญ่ถึง 2 ข้อด้วยกัน

.

.

ข้อแรกคือ “การสร้างแบรนด์บุคคล” (Personal Branding) ศาสตร์สมัยใหม่ที่ตั้งอยู่บนเส้นทางขั้นตอน 3 ข้อคือ “รู้จัก” (To know) “ชอบ” (To like) และ “เชื่อ” (To believe)  ย้อนไปเมื่ออดีตหลายสิบปีที่แล้ว  “การสร้างแบรนด์องค์กร” (Corporate Branding) มีความสำคัญต่อภาพลักษณ์ทางธุรกิจมาก  แต่ในปัจจุบันนอกจาก Corporate Branding แล้ว นักธุรกิจชั้นนำหลายคนเริ่มเห็นความสำคัญของ Personal Branding มากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้นำศาสตร์นี้มาใช้ต่อยอดเพื่อสร้างฐานแฟนคลับและส่งต่อผู้คนไปยังธุรกิจหลักของเขา และสร้างกองทัพผู้ติดตามในกรณีที่เขาจะออกไปทำธุรกิจใหม่หรือขยายธุรกิจ เฉกเช่น ริชาร์ด แบรนสัน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก หรือ แจ็ค หม่า

.

.

ข้อที่สองคือ  “การขจัดข้อโต้แย้ง” (Handing Objection) ซึ่งกระบวนการนี้มักจะเกิดในช่วงที่ลูกค้ามีความสนใจสินค้าแล้วแต่ยังไม่มั่นใจ 100 % จึงมีชุดคำถามเพื่อเสริมสร้างและประกันความมั่นใจ ซึ่งในภาษานักขายมักจะเรียกชุดคำถามเหล่านั้นว่า “ข้อโต้แย้ง” (Objection) นักขายหลายคนตีความว่าข้อโต้แย้งคือสัญญาณของการปฏิเสธ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นสิ่งธรรมดาที่นักขายจะต้องเจอและต้องรีบเคลียร์ให้หมดก่อนที่ลูกค้าจะเดินจากไป 

.

.

แล้วถ้าท่านขายสินค้าท่านจะสามารถทำ Live ได้หรือไม่ ? ไบรอัน เทรซี่ ผู้เขียนหนังสือธุรกิจมากกว่า 70 เล่ม กล่าวว่า “การทำการตลาดคือสิ่งที่ทำให้การขายไม่มีความจำเป็น” ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องหา “ปัญญา” ในสินค้าที่สามารถขจัดข้อโต้แย้งในสินค้าของท่านได้เหมือนในงานแสดงสินค้า เช่น ถ้าท่านขายเสื้อผ้าแฟชั่น แล้วลูกค้าสงสัยว่าเสื้อตัวนี้ใส่แล้วจะสวยไหม?  ก็ให้นางแบบสวมให้ดูเพื่อเป็นแรงจูงใจในการซื้อ หรือ ถ้าท่านขายกีต้าร์และลูกค้าถามว่าตัวนี้เสียงดีไหม ก็ให้นักดนตรีมาเล่นให้ฟัง เมื่อท่านสามารถทลายกำแพงข้อโต้แย้งออกไปจนหมดสิ้น ก็จะไม่ใช่เรื่องยากที่จะไปสู่ขั้นตอนปิดการขาย

.

.

และที่สำคัญอย่าลืมหาวิธีสร้างภาพจำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นลูกค้าคนพิเศษที่ท่านรอคอย

.

.

#itsyouYOU 

.

.

หมายเหตุ
1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU
2. ข้อมูล EP.7 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณอรรถวิท ปัญญาภิญโญผล ผู้ก่อตั้ง B.A.S. ACADEMY ที่สามารถผสมผสานเทคโนโลยีและสอดประสานเข้ากับองค์ความรู้ที่มี เพื่อที่จะเปลี่ยนนักเรียนที่ไม่ชอบวิชาชีวะให้มาตกหลุมรักวิชาชีวะอีกครั้ง

.

.

#Speaker #DNA3bySPU 28 April 2018

.

.

จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU

www.DNAbySPU.com
​
ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
Picture
Picture
0 Comments

    DNAbySPU

    หลักสูตรพัฒนาพันธุกรรม
    ​ทางความคิด

    สาขาการจัดการธุรกิจดิจิทัล คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

    www.DNAbySPU.com
     089-4883655

    Archives

    June 2019
    May 2019
    April 2019
    March 2019
    February 2019
    January 2019
    November 2018
    October 2018
    September 2018
    August 2018
    July 2018
    June 2018
    May 2018
    April 2018
    January 2018
    December 2017
    November 2017
    October 2017
    September 2017

    Categories

    All

    RSS Feed

Powered by Create your own unique website with customizable templates.
  • Home
  • ​Speaker
  • สมัคร #DNAbySPU รุ่นที่ 8
  • Alumni's Opinions
  • DNA JOURNAL
  • INFOGRAPHIC
  • #MottoTH
  • Privacy Policy
  • BLOG DNA7bySPU