#DNAjournal2 #EP6
. . The 4th wave of marketing “คลื่นลูกที่ 4 ของการตลาด” . . ในปี ค.ศ. 1980 Alvin Toffler นักอนาคตวิทยาและอดีตบรรณาธิการของนิตยสาร Fortune ได้เขียนหนังสือ “The Third Wave” ที่จะฉายภาพให้ผู้อ่านได้มองเห็นถึงภาพใหญ่ของการเคลื่อนไหวทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ว่ามีพัฒนาการและความเป็นมาอย่างไร โดยเขาเลือกใช้สัญลักษณ์ "คลื่น" เพราะสื่อถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะจางหายไปเมื่อมีคลื่นลูกใหม่เกิดมาแทนที่ . . โดยคลื่นแต่ละลูกจะสะท้อนถึงเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิถีชีวิตของมนุษย์ ซึ่งเชื่อมโยงเข้ากับรากฐานการผลิต ความเป็นไปในสังคม ระบบเศรษฐกิจและการทำธุรกิจในช่วงเวลาของคลื่นระลอกนั้น ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นคลื่น 3 ลูกด้วยกัน . . คลื่นลูกที่ 1 คือ “เทคโนโลยีเกษตรกรรม” เริ่มตั้งแต่วันที่มนุษย์หยุดล่าสัตว์และพืชผักผลไม้ และหันมาตั้งถิ่นฐานทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ทำให้เกิดการรวมกลุ่ม ก่อให้เกิดการสร้างสังคมและวัฒนธรรม เริ่มจากระดับหมู่บ้านจนไปถึงระดับประเทศ ในช่วงเวลานี้เครื่องมือสร้างความมั่งคั่ง คือ ที่ดินและเเหล่งผลิตเกษตรกรรม . . ในปีค.ศ. 1760 ประเทศอังกฤษประสบความสำเร็จในการนำเอาเครื่องจักรไอน้ำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องจักรทอผ้าและ ใช้ถ่านหินเป็นพลังงานทางการผลิต นับเป็นจุดเริ่มต้นของคลื่นลูกที่ 2 คือ “เทคโนโลยีอุตสาหกรรม” ที่เน้นไปที่การผลิตจำนวนมากเพื่อตอบสนองตลาดขนาดใหญ่ จึงทำให้เกิดการพัฒนาของภาคการขนส่งและกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆ ในช่วงเวลานี้ผู้ที่เป็นต่อ คือ ผู้ที่ครอบครองโรงงานขนาดใหญ่และทรัพยากรที่มหาศาล . . คลื่นลูกที่ 3 คือ “เทคโนโลยีสารสนเทศ” เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อมีการประดิษฐ์คิดค้นคอมพิวเตอร์ขึ้นและมีความพยายามในการทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกัน เพื่อให้ผู้คนในแต่ละมุมโลกเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ในเครือข่ายที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดการหลั่งไหลของข้อมูล ซึ่งส่งผลให้เกิดการสังเคราะห์องค์ความรู้ใหม่ได้อย่างกว้างขวาง . . แนวคิดของ Alvin Toffler ได้สร้างแรงบันดาลใจอย่างมากต่อ Steve Case หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท America Online (AOL) ที่เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้อุตสาหกรรมออนไลน์และธุรกิจดอตคอม เป็นมาตรฐานของระบบเศรษฐกิจทั่วโลก ในปีค.ศ 2015 เขาได้ต่อยอดแนวความคิดนี้และเขียนหนังสือชื่อ The Third Wave: An Entrepreneur’s Vision of the Future แต่ในหนังสือเล่มนี้จะเน้นไปที่ระลอกคลื่นอินเตอร์เน็ต ในขณะที่หนังสือของ Alvin Toffler เน้นไปที่เทคโนโลยีของอุตสาหกรรม . . Steve Case ได้ให้ความเห็นว่า ในช่วงเวลาปัจจุบัน (2016) โลกได้ขับเคลื่อนไปสู่คลื่นลูกที่ 3 นั่นคือ “ยุคของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค” นั่นคือ ประชากรโลกนับหลายพันล้านคนเชื่อมโยงกันผ่าน Social Media ที่มีการเชื่อมต่อแบบยิ่งยวดอยู่ตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยี Mobile Internet 5G กำลังจะถูกนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2020 โดยมีขีดความสามารถในการส่งข้อมูลขนาดใหญ่ด้วยความเร็วสูงกว่า 4G อย่างน้อย 10 เท่า . . เมื่อโลกกำลังสิ้นสุดยุคอุตสาหกรรมและกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีถูกพันเข้ากับสังคมข้อมูลข่าวสาร ทำให้ความรู้เกี่ยวกับการตลาดที่ท่านเรียนรู้มาในโลกยุคเก่า คงไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปในยุคสมัยนี้ ดังนั้นท่านจะต้องทำการตลาดอย่างไร ? . . หลักสูตร #DNAbySPU2 ได้รับเกียรติจากคุณ สโรจ เลาหศิริ Chief Marketing Officer แห่ง Rabbit’s Tale ดิจิทัลเอเจนซีที่น่าจับตาที่สุดแห่งยุค มาช่วยถอดรหัสแนวคิดการตลาดที่จะสร้างคุณค่าให้ธุรกิจของท่าน สามารถรับมือเข้ากับคลื่นของการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที . . Philip Kotler หนึ่งในผู้มีอิทธิพลที่สุดต่อนักการตลาดทั่วโลก ได้ให้ความเห็นในหนังสือล่าสุด Marketing 4.0 ของเขาว่าการเข้าสู่ยุคดิจิทัลนั้นไม่ใช่แค่การเข้ามาของ Digital Marketing แต่มันคือการเปลี่ยนระบบการตลาดที่ทุกท่านคุ้นเคยไปอย่างสิ้นเชิง . . Marketing 1.0 เป็นยุคเริ่มต้นที่ผู้ประกอบการเริ่มผลิดสินค้าออกมาจำหน่าย จึงต้องทำการแจกแจงออกมาเป็นแนวคิด 4P เพื่อง่ายต่อการเข้าใจ อันประกอบด้วย Product (สินค้า) Price (การกำหนดราคา) Place (การหาช่องทางจำหน่าย) Promotion (การสื่อสารให้คนเข้าใจ) โดยเนื้อหาของการสื่อสารการตลาดจะแข่งขันกันด้วย “คุณสมบัติการใช้งานในขั้นที่เหนือกว่า” เช่น แข็งกว่า ถูกกว่า หนากว่า ทนกว่า . . Marketing 2.0 เป็นยุคของการเปลี่ยนมุมมองจากผลิตและหาวิธีขายมาเป็น “การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” (Consumer Centric) จึงต้องวิวัฒน์แนวคิด 4P เดิมมาเป็น 4C แต่พูดในมุมของลูกค้ามากขึ้น คือ Consumer (การมองว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นลูกค้า) ท่านจึงต้องเลือกกลุ่มลูกค้าหลัก แล้วสร้างสินค้าที่ลูกค้านั้นต้องการ Cost (ขายในราคาที่ลูกค้ากลุ่มนั้นรับได้) Convenience (ขายในช่องทางที่ลูกค้าสะดวก) Communication (สื่อสารกับลูกค้าในภาษาที่เค้าต้องการรับรู้) โดยเนื้อหาของการสื่อสารการตลาดจะเน้นในแนวทางสร้างอารมณ์ร่วมกับลูกค้าให้คล้อยตาม . . Marketing 3.0 เป็นยุคแห่งการเข้าถึง “จิตวิญญาณของมนุษย์” (Human Spirit) เช่น แนวคิด CRM (Customer Relationship Management) ที่ถูกพัฒนาเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้าแล้ว จะต้องวิวัฒน์สู่ CEM (Customer Experience Management) หรือการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดกับลูกค้าโดยการนำเครื่องมืออุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ เข้าบริการและสื่อสารกับลูกค้า ทั้ง Online Offline มาควบรวมกันเพื่อส่งมอบ ประสบการณ์แบบเดียวกัน หรือการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility) อาจไม่ลึกซึ้งพออีกต่อไป ต้องวิวัฒน์สู่การเป็น CSV (Creating Share Value) คือ การนำการเปลี่ยนแปลงโดยชักชวนทุกภาคส่วน ทั้งระบบนิเวศของธุรกิจให้เติบโตและเติมคุณค่าไปด้วยกัน . . Marketing 4.0 เป็นยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดสังคมที่เชื่อมต่อคนทั้งโลกเข้าด้วยกันอย่างไร้พรมแดน ผู้บริโภคในยุคนี้มีรูปแบบไลฟ์สไตล์ และอุปนิสัยต่างจากผู้บริโภคที่เราเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง พวกเขาสามารถรวมพลังในการก่อให้เกิดกระแสต่างๆ ทั้งในทางบวกและทางลบด้วยพลังของมวลชนและความเร็วของการเดินทางของข้อมูล ลูกค้ามีช่องทางและข้อมูลข่าวสารมากพอที่จะค้นหาข้อมูลที่แท้จริง ดังนั้น “คุณภาพของสินค้าจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป” ถ้าสินค้าไม่ดีจริงและใช้การโฆษณาเพื่อบิดเบือนข้อมูลย่อมจะโดนกระแสลงโทษจากโลกออนไลน์ แต่ถ้าสินค้าดีจริงโลกออนไลน์จะช่วยแนะนำและบอกต่อกันอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมซึ่งนับเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการอย่างมหาศาล . . ดังนั้นในยุคที่ 4 ผู้ประกอบการต้องทำสินค้าให้ดี และเปิดรับเสียงตอบรับทั้งด้านดีและด้านไม่ดีจากลูกค้า เพื่อดูแลลูกค้าให้ประทับใจที่สุด และเพื่อให้ลูกค้าช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับธุรกิจของท่าน . . Charles Darwin บิดาแห่งทฤษฎีของวิวัฒนาการ กล่าวว่า “ผู้อยู่รอดไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือฉลาดที่สุด แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้เก่งที่สุด” ธุรกิจของท่านก็เหมือนกันต้องเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลง . . ก่อนที่จะถึงช่วงเวลาที่สายจนเกินไปและไม่เหลือสิ่งใดให้เปลี่ยนแปลง . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.6 ต่อยอดจากการบรรยายของ คุณสโรจ เลาหศิริ Chief Marketing Officer แห่ง Rabbit’s Tale ดิจิทัลเอเจนซีที่น่าจับตาที่สุดแห่งยุค มาช่วยถอดรหัสแนวคิดการตลาดที่จะสร้างคุณค่าให้ธุรกิจของท่าน สามารถรับมือเข้ากับคลื่นของการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที #Speaker #DNAbySPU2 9 September 2017 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
1 Comment
วิเชียร ประเสริฐวณิช
10/31/2017 05:27:47 pm
บทความดีมาก ธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปมาก ต้องปรับปรุงกันยกใหญ่ต่อยอดธุรกิจต่อไป
Reply
Leave a Reply. |
DNAbySPUหลักสูตรพัฒนาพันธุกรรม Archives
June 2019
Categories |