#DNAjournal4 #EP20
แยกส่วน..จัดเรียง..เพื่อสร้างตัวตน . . ซิดนีย์ เจ. แฮริส บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ เคยเขียนในบทความของเขาว่า “ท่านไม่มีทางเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ จนกว่าจะเปลี่ยนสิ่งท่านทำอยู่ทุกวัน” . . คำถามต่อมาคือ “เราจะเปลี่ยนแปลงตนเองได้อย่างไร” คำตอบง่ายที่สุดที่พอจะคิดได้ คือท่านจะต้องเปลี่ยน “มุมมอง” ลองเปลี่ยนออกจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ก้าวออกจากกรอบที่ปลอดภัย ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะดูไม่ค่อยสะดวกสบายและเป็นธรรมชาตินัก แต่พอถึงจุดๆ หนึ่ง ท่านจะได้สัมผัสสิ่งที่ไม่เคยรู้สึก ได้เห็นสิ่งที่ไม่ได้มอง หรือแม้แต่ได้ยินเสียงที่ไม่เคยได้ยิน . . ในโลกใบนี้มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ การที่ท่านมาใส่ใจเมื่อกระแสนั้นเติบโตมันอาจช้าไปเสียแล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่ท่านเพ่งมอง “กระแสนิยม” นั้น ก็จะมีกระแสนิยมใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีกและมีอีกมากมาย . . ในโลกสมัยใหม่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะรู้ว่าอะไรกำลังจะอินและอะไรกำลังจะเอาท์ ? ดังนั้นสิ่งที่ท่านพอจะทำได้อย่างเดียวในช่วงเวลานี้คือ “สังเกต” และ “ใส่ใจ” ในสิ่งต่างๆ รอบตัว ทั้งในมุมลึก มุมกว้าง มุมข้างหรือมุมกลับหัว ไม่จำเป็นต้องรู้ลึกเชี่ยวชาญถึงขั้นนักเทคนิค แต่ต้องรู้ไว้ให้พอเอาตัวรอดได้ว่า สิ่งนั้นคืออะไร หมายความและส่งนัยยะว่าอะไร ? . . อีสปอร์ตคืออะไร ? การไลฟ์สดมีขั้นตอนยังไง ? ยูทูบเบอร์ทำยังไงถึงดัง ? โซเชียลมีเดียประเภทไหนจะช่วยทำให้งานเราเบาขึ้น ? เป็นตัวอย่างคำถามที่จะต้องตอบให้ได้ในการบริหารธุรกิจยุคใหม่ . . เราจะหาเหตุผลที่ขับเคลื่อนตัวเราได้อย่างไร? ต้องทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนธุรกิจธรรมดาที่อยู่ตลาดหลักสี่ให้ไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ? เราจะขยายธุรกิจด้วยรูปแบบไหน ? หลักคิดเหล่านี้จะช่วยนำพาให้เรามีมุมมองที่แหลมคมและก้าวไปข้างหน้า . . ประเทศจีนทำไมถึงเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดประเทศยังไม่ถึงสองทศวรรษดี ? ทำไมเกาหลีใต้ที่เคยเป็นประเทศที่ล้าหลังกลับแซงหน้าเราได้ชนิดไม่เห็นฝุ่นในเวลาไม่ถึง 20 ปี ? ความรู้รอบตัวเหล่านี้จะทำให้ท่าน “เลียนรู้”จากคนอื่นและนำมา “เรียนรู้” กับตนเอง . . มวลอารมณ์คืออะไร ทำไมต้องใส่ใจในรายละเอียด ? สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้จะช่วยให้ท่านฉุกคิดถึงการออกแบบประสบการณ์ให้มีความหมาย มากไปก็ล้น น้อยไปก็ไม่ดี ต้องพอดิบพอดีเท่านั้น . . กฎแห่งการออกแบบคือ “ทุกอย่างที่เราสร้างไว้ จะกลับมาสร้างเราเสมอ” และถ้าท่านชื่นชอบการจัดเรียงอย่างมีระเบียบ หลงรักในความแตกต่างที่ลงตัว ในวันนี้และตอนนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะจัดระเบียบตัวเองเสียใหม่ รู้ว่าต้อง “ตัด” อะไรออกไป ต่อกับใคร ต้อง“เชื่อมโยง”กับสิ่งไหน เพื่อให้ท่านไปได้ไกลขึ้น . . สุภาษิตจีนว่าไว้ว่า “เมื่อวานคือความหลัง อนาคตสุดจะหยั่งรู้ และวันนี้คือปัจจุบัน เปรียบได้กับของขวัญ ดังนั้นมันต้องดีที่สุด” คงจะเป็นการยากที่จะออกแบบสินค้าหรือบริการให้คนตกหลุมรัก แต่เพราะมันยากและท้าทายนี่แหละ จึงควรค่าแก่การลองทำ . . สีแต่ละสีอาจจะดูแตกต่างและไม่เข้ากัน เส้น สามเหลี่ยม วงกลมอาจจะไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน แต่เมื่อมีศิลปินที่พยายามจะเรียงร้อยสีสันต่างๆ ที่แตกต่างกัน รวบรวมและจัดเรียงเส้นสายไว้ด้วยกันอย่างบรรจง ภาพนั้นจะยิ่งสวยขึ้นเป็นเท่าตัว . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP20 ต่อยอดจากการบรรยายของดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ ผู้อำนวยการหลักสูตร DNA อาจารย์ประจำ สาขาการจัดการธุรกิจดิจิทัล คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม . . #DNA4bySPU 21 March 2019 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง
0 Comments
#DNAjournal4 #EP19
เหตุผลทำให้คนเข้าใจ แต่อารมณ์ทำให้คนตัดสินใจ . . สิ่งที่นักการตลาดพยายามจะตามหามาโดยตลอด คือ การทำความเข้าใจว่าอะไรคือ “แรงผลักดันที่ขับเคลื่อนพฤติกรรม” ให้เกิดการซื้อ การกดไลค์ การทดลองสินค้าหรืออื่นๆ ปริศนาชิ้นนี้ถ้ามีใครสามารถคลี่คลายได้ก็แทบจะพูดได้เต็มปากเลยว่าสามารถควบคุมผู้บริโภคให้ทำตามคำสั่งได้ . . นักการตลาด นักจิตวิทยาและนักสังคมศาสตร์ เห็นพ้องต้องกันว่าเงื่อนไขที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมของมนุษย์นั้น จำแนกหลักๆ ได้เป็นสองอย่าง หนึ่งคือ “เหตุผล” และสิ่งที่สองคือ “อารมณ์” ทั้งสองต่างกันตรงที่ “เหตุผล” คือสิ่งที่เราทำลงไปเพราะสำนึกรู้และ “อารมณ์” คือสิ่งที่เราไม่ทันรู้สำนึกถึงกระบวนการนั้น . . แล้วมนุษย์เราตัดสินใจด้วยอารมณ์หรือเหตุผลกันล่ะ ? ถ้าว่ากันตามหลักชีววิทยาแล้ว มนุษย์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ เพราะมีสมองที่สามารถรับรู้ถึงกลไกขับเคลื่อนพฤติกรรมที่เรียกว่า “อารมณ์และเหตุผล” ได้ ในขณะที่สัตว์ที่มีชีวิตทั่วไปมีสมองรับรู้ได้แค่อย่างเดียว นั่นคือ “อารมณ์” . . มนุษย์นั้นมีความหลงตัวเองนิดๆ ภูมิใจในเผ่าพันธุ์อยู่หน่อยๆ จึงมักจะเชิดชูให้ “เหตุผล” เป็นสิ่งที่อยู่เหนือ “อารมณ์” อยู่ขั้นนึงเสมอ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่สามารถควบคุมตนเองได้ แตกต่างจากสัตว์โลกที่ทำอะไรโดยไม่สามารถอธิบายได้ . . รวมถึงในสังคม มนุษย์มักจะให้ “อารมณ์และความรู้สึก” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ด้านลบที่สื่อถึงความอ่อนแออยู่เสมอ เช่นคำพูดที่ว่า “อย่าทำอะไรตามแต่อารมณ์” หรือ “อย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล” เป็นต้น ซึ่งคำพูดดังกล่าวจะออกไปในฝั่งร้ายมากกว่าฝั่งดี . . แต่โดยธรรมชาติของ “อารมณ์” แล้วไม่ได้มีแต่ด้านลบ เช่น โกรธหรือเศร้าโศกเสียใจแต่อย่างเดียว อีกฝั่งก็มีอารมณ์ด้านบวกด้วย เช่น เบิกบาน ร่าเริง สนุกสนาน ดังนั้นการกระทำโดนอารมณ์นั้นย่อมมีทั้งผลดีและผลร้าย ตามแต่จุดก่อกำเนิดอารมณ์ในช่วงนั้น . . “มนุษย์เป็นหนึ่งในสัตว์โลก และสัตว์โลกทั้งหลายก็ล้วนแล้วแต่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ไม่ใช่เหตุผล” แนวคิดนี้สร้างความอึดอัดใจให้แก่ผู้เชี่ยวชาญในสาขามนุษยศาสตร์และพยายามหาเหตุผลเพื่อหักล้างมาช้านาน แต่ทฤษฎีดังกล่าวเริ่มเด่นชัดและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นหลังจาก ริชาร์ด ธาเลอร์ ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาเศรษฐศาสตร์เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา . . เขาเรียกศาสตร์ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลว่า “เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม” (Behavioral Economics) ดูเหมือนจะเป็นปัญญาชิ้นใหม่ในโลก ที่จริงแล้วคือการยอมรับธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ว่าเราจะตัดสินใจด้วยอารมณ์และหาเหตุผลมาให้เรารู้สึกดีเสมอ . . ทำไมอยากได้รองเท้าคู่ใหม่ ? เพราะรองเท้าคู่เก่ามันเก่าแล้ว สีไม่สวย ยางข้างในไม่สมบูรณ์ เชือกรองเท้าหลวม ท่านจะหาเหตุผลอะไรมาก็แล้วแต่ ในท้ายที่สุดท่านก็พ่ายแพ้ต่อสิ่งที่เรียกว่า “อารมณ์” เสมอ . . “เพราะเหตุผลจะทำให้คนเข้าใจ แต่อารมณ์ทำให้คนตัดสินใจ” ดังนั้นท่านควรจะออกแบบมวลอารมณ์เพื่อใช้ในธุรกิจท่านว่าจะวางท่วงทำนองอย่างไร ? เพื่อไม่ให้เขาแค่เข้าใจ แต่รู้สึกถึงตัวตนของธุรกิจท่าน . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP19 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณพล หุยประเสริฐ ผู้ก่อตั้งบริษัท H.U.I. คอนเสิร์ตดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของประเทศไทยที่จะมาเล่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังในการสร้างคอนเสิร์ตที่น่าจดจำ ด้วยวิธีคิดที่แสนจะเรียบง่าย นั่นคือ “การออกแบบมวลอารมณ์” และด้วยกรณีศึกษาที่สร้างแรงบันดาลใจ จะทำให้เราได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าเราจะได้ประโยชน์จากแนวคิดนี้อย่างไร? . . #DNA4bySPU 16 March 2019 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal4 #EP18
ถ้าจะเดินขึ้นภูเขา….อย่ากลัวว่าจะโดนย่ำรอยเท้า . . นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ ผู้บริหารและบุคลากรในภาคส่วนต่างๆ ขององค์กร มีความพยายามอย่างหนักในการสร้าง “ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน” เป็นกลยุทธ์จะชี้นำองค์กรไปข้างหน้าเพื่อย่นระยะ ทิ้งห่างและเอาชนะคู่แข่งขันในสนามกีฬาที่เรียกว่า "ธุรกิจ" แต่ชื่อว่าการแข่งขันแล้ว ไม่มีผู้เล่นคนไหนสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่ง หรือสภาพการแข่งขันไปได้เลย . . ในการฝีกสอนศิลปะการต่อสู้มีคำว่า “ดูให้ดีและเรียนรู้” (watch and learn) วลีนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีศิษย์หน้าใหม่ที่ยังไม่ประสีประสาก้าวเข้ามาในสำนัก สิ่งแรกๆ ที่ท่านอาจารย์จะสอนลูกศิษย์จะไม่ใช่กระบวนท่า แต่เป็นการแสดงให้ดูก่อน เพื่อให้ลูกศิษย์เข้าใจและเห็นภาพตาม . . เช่นเดียวกับเกมส์ธุรกิจ ผู้เล่นหน้าใหม่ที่ยังอ่อนประสบการณ์มักจะหาลู่ทางด้วยการศึกษากลยุทธ์ของคู่แข่งที่ทำมาก่อน เป็นเจ้าตลาด หรือทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครห้ามได้ “การลอกเลียนความคิดทางธุรกิจ” จึงกลายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้อย่างเป็นปกติในตลาดที่แข่งขันกันอย่างเสรี . . แคมเปญทางการตลาดใหม่ๆ ไอเดียสินค้าล้ำๆ โปรโมชั่นเจ๋งๆ ที่นักการตลาดและเจ้าของกิจการอดตาหลับขับตานอนคิดมาหลายเดือน กลับถูกก๊อบปี้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน . . ต้องบอกว่าเป็นโชคร้ายที่ “นวัตกรรมทางความคิด” เหล่านี้ไม่ได้รับการปกป้องเหมือนทรัพย์สินทางปัญญาที่สินค้าและบริการ เช่น แบรนด์ โลโก้ การออกแบบ สี กลิ่น รส สามารถพิสูจน์หาเจ้าของความคิดที่แท้จริงได้ง่ายกว่า จึงเหมือนเป็นการชี้โพรงให้กระรอกว่า “การลอกเลียน” เป็นสิ่งที่ไม่สมควรแต่ไม่ได้ผิดกฎหมายข้อใด . . ทำให้นึกถึงตอนที่ Walter Disney ราชาแห่งการ์ตูนโลก หรือที่รู้จักกันในชื่อ Walt Disney ได้เรียกกองทัพนักข่าวมาให้ทำข่าวสวนสนุก Disneyland ที่จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในการสัมภาษณ์ครั้งนั้น เขาพานักข่าวไปชมสถานที่ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งอธิบายอย่างละเอียดว่าเครื่องเล่นนี้มีกิมมิคคืออะไร จะโผล่มาตอนไหน พานักข่าวไปดูเครื่องเล่นทุกชิ้นในสวนสนุกของเขา และเมื่อการสัมภาษณ์จบลง นักข่าวคนนึงยกมือถามเจ้าของสวนสนุกว่า “การที่ท่านเปิดเผยความลับอย่างชัดเจนขนาดนี้ ท่านไม่กลัวคู่แข่งนำความคิดไปทำบ้างหรือ ?” . . Walter Disney ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยว่า “ก็ให้เขาทำไป และเราจะทำให้ดีกว่าเขา” คำตอบของเขาสะท้อนสัจธรรมและแนวคิดของผู้นำว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่เราจะมุ่งมั่น พัฒนา และก้าวไปข้างหน้าจนสำเร็จ” . . การตามกระแสด้วยการเลียนแบบผู้อื่นจะได้ผลดีในระยะสั้นเท่านั้น เพราะกลยุทธ์ชั้นดีล้วนถูกออกแบบมาให้ “เฉพาะเจาะจง” กับองค์กรนั้นๆ . . การเลียนแบบมักทำให้ผู้ตามต้องสูญเสียตัวตนไปทีละนิดโดยไม่รู้ตัว เพราะมัวทำตามคู่แข่ง จนสุดท้ายเพิ่งจะรู้ตัวว่า “เราแกร่งไม่เท่าเขา” และพบว่ารอบตัวมีจุดอ่อนเต็มไปหมด ดังนั้นการเลียนแบบอาจไม่ใช่คำตอบ การกลับมานั่งนิ่งๆ พิจารณาและเริ่มกลับมาคิดที่พื้นฐานที่แท้จริงของธุรกิจตน น่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า . . สำหรับผู้ที่ถูกเลียนแบบก็ต้องไม่ท้อถอยน้อยใจไป จริงๆ ควรจะดีใจเสียด้วยซ้ำ เพราะแสดงว่าสิ่งที่เราคิดมานั้นดี แต่ต้องมองโลกแห่งความเป็นจริงให้ออกว่า นวัตกรรมที่เราสร้างขึ้นอาจถูกเลียนแบบได้รวดเร็วก็จริง แต่วิธีคิดเพื่อให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมที่จะต่อยอดเป็นสินค้าและบริการใหม่ๆ นั้นต่างหาก ที่จะทำให้เรานำคู่แข่งตลอดไป . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP18 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณวรวุฒิ อุ่นใจ CEO บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ผู้พลิกฟื้นธุรกิจครอบครัวที่เป็นเพียงร้านขายเครื่องเขียนห้องแถว ก่อนจะนำไอเดียขายตรงผ่านแค็ตตาล็อกต่อยอดสร้างแบรนด์ “ออฟฟิศเมท” ขึ้นมาเป็นอี-คอมเมิร์ซเบอร์หนึ่ง กระทั่งเข้าควบรวมกับกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล กลายเป็นธุรกิจหมื่นล้านภายใต้ชื่อใหม่ ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) #DNA4bySPU 16 March 2019 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal4 #EP17
ก้าวเล็กๆ สร้างการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ . . ในการประกอบธุรกิจนั้น สามารถแยกตลาดกลุ่มลูกค้าเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ ตลาดมวลชน (Mass market) และตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche market) . . “ตลาดมวลชน” คือ กลยุทธ์ตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก โดยผลิตสินค้าที่มีรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยรวม ภายใต้สมมุติฐานที่ว่าลูกค้าแต่ละกลุ่มจะมีรูปแบบอะไรบางอย่างที่ “คล้ายคลึงกัน” และการที่ผลิตสินค้าออกมาจำนวนมาก ทำให้มีต้นทุนผลิตที่ต่ำ ทำให้บริษัทหรือองค์กรสร้างความได้เปรียบในด้านราคาได้ . . “ตลาดเฉพาะกลุ่ม” เป็นการผลิตสินค้าหรือบริการแบบเจาะจงให้กับลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่เป็นส่วนหนึ่งของตลาดทั้งหมด ซึ่งอาจจะเป็นลูกค้าที่มีรสนิยมเฉพาะรูปเเบบ ตลาดเฉพาะกลุ่มอาจเกิดได้จากกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่แล้วในตลาด แต่หลุมแห่งความต้องการยังไม่ถูกเติมเต็ม หรืออาจจะเป็นตลาดใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นตามสภาพสังคมและรสนิยมที่เปลี่ยนไปในโลกยุคใหม่ . . แล้วแบบไหนดีกว่ากัน ? “ตลาดมวลชน” มีมูลค่าสูงหลายพันหลายหมื่นล้านบาท (ลองจินตนาการว่า 10% ของคนไทยจ่ายเงินให้ท่านดู) แต่เหมาะกับผู้ประกอบการหรือกลุ่มทุนที่มีทรัพยากรและงบประมาณเพียงพอที่จะทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ไปยังทั่วประเทศได้ เพราะตลาดนี้จะมีการแข่งขันที่รุนแรงโดยธรรมชาติ ทุ่มงบประมาณแข่งกันเป็นว่าเล่น และถ้าเงินไม่ถึงจริง ลูกค้าจะจำท่านไม่ได้และจะถูกบังคับให้ออกจากตลาดไป . . “ตลาดเฉพาะกลุ่ม” เป็นตลาดที่เหมาะกับผู้ประกอบการที่มีข้อจำกัดเรื่องเงินทุนและทรัพยากร ที่ไม่มีเงินพอจะแข่งขันกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ได้ แม้จะไม่มีมูลค่ามหาศาลเหมือนตลาดข้างบน แต่ก็มีมูลค่ามากพอระดับสิบถึงร้อยล้านบาท และลูกค้าในกลุ่มนี้ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับประโยชน์ใช้สอยมากกว่าปัจจัยทางด้านราคา เรียกว่า แพงกว่าไม่เป็นไร ขอให้ถูกใจก็พอ ผู้ประกอบการในกลยุทธ์นี้จึงไม่ต้องแข่งขันกันทุ่มงบโฆษณา แต่ต้องรู้จักออกแบบและพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด . . โดยสรุปคือ ตลาดมวลชนทำให้เกิดโรงงาน ตลาดเฉพาะกลุ่มทำให้เกิดสินค้าใหม่ กลุ่มทุนขนาดใหญ่ทราบดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างสินค้าที่ตอบสนองคนทุกคน ดังนั้นจึงเลือกตอบสนองบางคน จึงเป็นที่มาของแนวคิด “Segmentation” หรือ “การแบ่งกลุ่มลูกค้า” แล้วค่อยเลือกว่ากลุ่มไหนมีมูลค่าตลาดที่สูงกว่ากัน จึงออกสินค้าหรือบริการเพื่อตอบสนองกลุ่มนั้น ในขณะที่ คนตัวเล็กทราบดีว่าเราไม่มีเงินพอที่จะไปแข่งกับเขา จึงทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อเอาใจลูกค้าให้อยู่กับเรานานที่สุด . . ในโลกยุคเก่าดูเหมือนตลาดมวลชนจะยิ่งใหญ่กว่าตลาดเฉพาะกลุ่ม แต่ในโลกยุคใหม่ตลาดมวลชนเริ่มจะเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ . . อินเทอร์เน็ตทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “เสรีภาพ” เสรีภาพที่จะเลือกใช้เงินที่ไหนกับอะไร ในโลกยุคเก่าไม่สามารถทำได้ เพราะช่องทางถูกจำกัด ทำให้ร้านค้าขนาดเล็กที่มีสินค้าคุณภาพดีแต่ไม่มีเงินพอจะซื้อสื่อเพื่อโฆษณาตนเอง ไม่สามารถปรากฏตัวได้ แต่ในยุคนี้ทุกคนสามารถหาร้านประเภทนั้นได้ไม่ยาก เพียงแค่พิมพ์ไปในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น . . ลองจินตนาการถึงถนนสายหนึ่งในกรุงเทพ ที่มีร้านกาแฟราคาถูกและแพง มีร้านหมูปิ้งและร้านสลัด ซึ่งแต่ละร้านก็มีลูกค้าเฉพาะกลุ่มของร้านนั้นๆ ภาพนั้นแสดงให้เห็น “เสรีภาพที่จะเลือก” ได้อย่างแท้จริง . . แต่การจะเป็นผู้นำในตลาดเฉพาะกลุ่มนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความทุ่มเท ขยันอดทน ในการ “ออกแบบมาเพื่อคุณ” ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่สุด ยิ่งเล็กเท่าไหร่ยิ่งดี และโปรดอย่ากังวลเลยว่าเล็กเกินไปจะเหนื่อยเปล่าเสียเวลา การเริ่มจากเล็กไม่ใช่ว่าจะใหญ่ไม่ได้ ถ้าท่านเจาะเกาะติดและตอบสนองลูกค้าให้พึงพอใจได้ตลอดเวลา ถึงจุดหนึ่งเขาจะช่วยพาท่านไปยกต่อไป โดยการเชิญชวนเพื่อนมาใช้บริการของท่าน . . ทุกการเดินทางที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ของคนที่มีความกล้าหาญเสมอ ทุกสิ่งที่ทำลงไปไม่ได้สูญเปล่า เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่สุกงอมเท่านั้น ดังนั้นโปรดอย่าใจร้อนหรือฉีดสารย่นเวลาให้ต้นไม้โตในเร็ววัน ทุกอย่างในโลกมีช่วงเวลาที่เหมาะสมของมัน และเมื่อไหร่ที่ถึงเวลาของมัน มันคุ้มค่ากับการรอคอย . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP17 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณสาลินี รัตนชัยสิทธิ์ ศิลปินวาดภาพประกอบ Character Illustrator เจ้าของแบรนด์ @Cyranodesign และศิษย์เก่าของ #DNAbySPU รุ่นที่ 1 ที่มาแบ่งปันเรื่องราวของสิ่งเล็กๆ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมหาศาลและสร้างความประทับใจให้กับผู้รับได้อย่างไม่รู้ลืม #DNA4bySPU 9 March 2019 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal4 #EP16
โลกสองใบที่ไม่บรรจบกัน . . ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดของนักการตลาดหน้าใหม่ที่ขาดประสบการณ์ หรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ที่เจ้าของต้องควบสองตำแหน่งทั้งผู้บริหารและนักการตลาด เพราะมีเรื่องราวต่างๆ ให้ศึกษามากมาย ทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคและหุ่นยนต์หรือระบบอัลกอริทึม . . การมีข้อมูลและเรื่องราวให้ท่านศึกษามากมายถือว่าเป็นสิ่งที่ดีในการที่จะพัฒนาตนเองและธุรกิจ แต่ข้อควรระวังก็คือ การที่มีข้อมูลมากไป จนทำให้เกิดภาวะ “ข้อมูลท่วมท้น” หรือ “Information Overload” ทำให้มีโอกาสบริหารแผนการตลาดผิดพลาด สถานการณ์ไม่เป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ซึ่งทำให้เสียเวลาและทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ . . อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดถือได้ว่าเป็นความปกติในชีวิตมนุษย์ มีคำกล่าวว่า “บุคคลที่ไม่เคยทำผิดพลาด คือบุคคลที่ไม่เคยทำอะไรเลย” ซึ่งข้อดีคือเมื่อเราผิดจะเรียนรู้วิธีที่ถูก ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของมือใหม่ เมื่อทำผิดพลาดจะเรียนรู้จากความผิดพลาด และใช้ความผิดพลาดนั้นเป็นฐาน เพื่อส่งให้ท่านไปได้ไกลขึ้น . . แต่ความผิดพลาดไม่ใช่จะเกิดขึ้นกับมือใหม่อย่างเดียว บางครั้งความเก๋าเกมก็ไม่ได้ช่วยป้องกันความผิดพลาดให้เกิดขึ้น ซ้ำร้ายมือเก๋าบางรายยังไม่ยอมรับว่าแคมเปญที่เขาทำไม่ได้ผล ไม่ใช่เพราะฝีมือแต่จากสถานการณ์รอบข้าง . . โรคติดต่อชนิดนี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการหรือนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จในอดีต และต้องมาทำการตลาดอีกครั้งในยุคใหม่ สาเหตุคือ การที่มีอีโก้และเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก โดยไม่ฟังความเห็นของคนอื่น หรือเชื่อมั่นในวิธีการของตัวเองมากจนเกินพอดี . . หลายครั้งโลกของนักการตลาดก็ไม่ได้เป็นโลกใบเดียวกับผู้บริโภค นักการตลาดเชื่อว่าหนังโฆษณาต้องใหญ่และดัง เพราะเชื่อว่าผู้บริโภคจะจำได้และไปเลือกซื้อสินค้า แต่หลายครั้งผู้บริโภคถามว่า “จะให้ซื้อสินค้าใช่ไหม เสียเงินค่าโฆษณาไปทำไม ทำไมไม่ออกโปรโมชั่น ?” . . นักการตลาดชอบสร้างแบรนด์ผ่านโลโก้ดีๆ ฟอนต์สวยๆ เพราะตำราการตลาดพร่ำสอนมาว่า “แบรนด์ที่ดีจะสร้างโปรดักส์ที่ดี” แต่ในสายตาลูกค้ากลับคิดกลับตาลปัตรว่าโลโก้และฟอนต์ที่สวยงามจะสร้างประโยชน์ให้กับชีวิตได้อย่างไร ? ดังนั้นโปรดักส์จึงมีความสำคัญมากกว่าแบรนด์ เพราะ “โปรดักส์ที่ดีจะสร้างแบรนด์ที่ดี” . . ตัวอย่างเหล่านี้ชี้ชัดได้ว่า กรอบความคิดของนักการตลาดในโลกยุคเก่าใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่อีกต่อไป ดังนั้นวิธีการดีที่สุดในการทำตลาด ต้องเริ่มจากกรอบความคิดของนักการตลาดเอง ที่ต้องไม่ยกตนข่มท่าน ลดอัตตาตนเองลง และรับรู้ถึงคลื่นของการเปลี่ยนแปลง . . ไม่ว่าในช่วงเวลาไหนหรือยุคสมัยใดๆ มนุษย์ก็ต้องซื้อสินค้า มีปัญหาที่ต้องการจ้างให้สินค้าทำ มีความต้องการให้สินค้าเติมเต็มชีวิต ไม่ว่ายังไงความต้องการของมนุษย์ก็จะมีพื้นที่ว่างอยู่เสมอ รอให้มีคนไปเติมเต็ม เพียงแต่สินค้าของท่านสามารถเติมเต็มช่องว่างนั้นได้หรือไม่ ? . . การที่สินค้าของท่านขายไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าสินค้าตอบความต้องการไม่ได้ เพียงแต่มีคนอื่นตอบได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชื่อเสียง ราคา คุณภาพสินค้า ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ “หาให้เจอว่าสินค้าของท่านเหมาะสมกับใคร?” และทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนั้น เพราะผู้ที่สร้างรายได้ให้กับท่าน บางครั้งก็ไม่ได้มาจากคนที่เล็งเอาไว้เสมอไป . . อย่าลืมใส่ใจลงไปด้วย เพราะ “ลูกค้าใช้เงินซื้อสินค้าแต่ใจคาดหวังกับบริการ” การบริการในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการช่วยถือของให้ แต่หมายถึง “ประสบการณ์” ที่ลูกค้าได้รับ การนำเสนอที่มีระยะ ไม่สร้างความรำคาญจนเกินไป การแก้ไขปัญหาที่ฉับไวและทันท่วงที ให้ความสบายใจเมื่ออยู่ใต้การดูแลของท่าน . . อย่าคิดว่านักการตลาดจะยืนอยู่เหนือลูกค้าหนึ่งขั้นเหมือนในอดีต และไม่ว่าการตลาดยุค 4.0 ในวันนี้ หรือ 5.0 ของวันพรุ่งนี้ ธุรกิจเริ่มจากมนุษย์และจบที่มนุษย์ ดังนั้นถ้าจะชนะใจมนุษย์ ก็ต้องเริ่มจากการพูดภาษาเดียวกัน ความสัมพันธ์จึงจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP16 ต่อยอดจากการบรรยายของของคุณณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง นักการตลาดดิจิทัลผู้ก่อตั้ง DOTS CONSULTANCY และ NUTTAPUTCH.COM มาเปิดเผยปริศนาดำมืดของการสร้างคอนเทนต์ที่ไปได้ไกลและสร้างความประทับใจให้เราว่ามีส่วนผสมอย่างไร #Speaker #DNA4bySPU 9 March 2019 . . จัดทำโดยหลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal4 #EP15
ภัยคุกคาม ทำให้เราค้นพบ . . ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาคำที่ได้รับคำนิยมและถูกพูดถึงโดยนักบริหาร นักการตลาด เจ้าของธุรกิจและนักการเมือง คือคำว่า “Disruption” หรือการที่มีอะไรมาแทรกแซง จนทำให้สิ่งนั้นถูกทำลายลงไปอย่างถอนรากถอนโคน จนไม่สามารถกลับคืนมาได้อีก . . เมื่อคำว่า “Disruption” ถูกพูดถึง หลายคนมักจะคิดว่า “เทคโนโลยี” เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่มีประสบการณ์ แต่ไม่มีกระบวนการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่ ซึ่งก็เป็นความจริงส่วนหนึ่ง แต่จุดเริ่มต้นทั้งหมดมาจากมนุษย์ผู้จ่ายเงินให้สินค้ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไป และถ้าโรงงานวิ่งตามไม่ทัน ก็เป็นธรรมชาติที่โรงงานนั้นจะต้องปิดตัวลงไป . . วิถีชีวิตและพฤติกรรมของพวกเราเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในเวลาไม่ถึง 10 ปี เมื่อ 10 ปีที่แล้วเราอดทนนั่งโฆษณาที่คั่นระหว่างเบรครายการที่มีทุก 15 นาทีได้ แต่วันนี้ไม่สามารถทนดูโฆษณาที่มีความยาวเกิน 5 วินาทีได้ เมื่อ 5 ปีที่แล้วเราสามารถนั่งรอเพื่อนที่มาสาย 5 นาทีได้ แต่ตอนนี้ถ้าสายวินาทีเดียวต้องไลน์ไปถามว่าอยู่ไหนแล้ว . . ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า “พฤติกรรมของคน” เป็นจุดศูนย์กลางของคำว่า Disruption อย่างแท้จริง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ธุรกิจมากมายกังวลกับคำว่า Disruption คือ “การแข่งขันข้ามสายพันธุ์” . . Coca Cola ไม่ได้มองว่าคู่แข่งคือ Pepsi น้ำอัดลมอื่นหรือเครื่องดื่มดับกระหายในตลาดอื่น แต่มองว่า คือ Netflix และ Youtube ที่ทำให้คนอยู่ติดบ้านและได้รับความบันเทิง ไม่ต้องออกมาเดินเที่ยวห้างเพื่อดูหนังหรือดูการแข่งขันกีฬาที่สนามกีฬา เช่นเดียวกับ Lazada ในประเทศไทย ที่ไม่ได้มองว่าคู่แข่งคือเว็บชอปปิ้งรายอื่น แต่คือ Facebook และ Instragram ที่คนไทยชอบซื้อของที่นั่น . . ลองนึกฉากในหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ซักเรื่องที่พระเอกถือดาบยืนอยู่ที่จุดกึ่งกลางของสังเวียนต่อสู้ ในสนามนั้นมีประตูหลายบาน ไม่รู้ว่าคู่ต่อกรของพระเอกจะมาจากประตูไหน ใช้อาวุธอะไร และร้ายยิ่งกว่านั้นเป็นคนหรือสัตว์ ตอนนี้ธุรกิจก็เจอกับสถานการณ์ลักษณะนี้ . . ถ้าท่านเห็นคู่ต่อสู้มาแต่ไกล ท่านยังพอจะออกแบบกระบวนท่าเพื่อรับมือกับคู่ต่อสู้ของท่านได้ และพอคาดเดาได้ว่าถ้าเขามาแบบนี้ ต้องใช้ท่าอะไรถึงจะเอาชนะ แต่ถ้าท่านไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้เป็นใคร มาจากไหน ท่านจะหาวิธีการในการสู้กับเขาได้อย่างไร ? . . สิ่งที่ท่านจะพึ่งได้อย่างเดียวในสถานการณ์คับขัน คือ สิ่งที่เรียกว่า “สัญชาตญาณ” (Instinct) คือ กระบวนท่าที่ออกมาอัตโนมัติ มาจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอาวุธคู่มือที่พอจะช่วยท่านได้ . . สุภาษิตจีนโบราณกล่าวไว้ว่า “ท่ามกลางอันตราย มักมีโอกาสซ่อนอยูเสมอ” มีสิ่งมีชีวิตไม่กี่สายพันธุ์ในโลกใบนี้ ที่สามารถร่วมแรงร่วมใจเพื่อช่วยกันผลักอันตรายให้ผ่านพ้นไปได้ สิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถนี้ เช่น มด ผึ้ง หรือแมลงต่างๆ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าสัตว์เหล่านี้มีอะไรเชื่อมโยงกัน มาจากรังเดียวกันและเป็นญาติกัน เช่น มดงาน ที่เกิดจากราชินีตัวเดียวกัน พวกมดจึงรู้ดีว่าอยู่ในเรือลำเดียวกัน และต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ “รัง” อยู่รอด . . เมื่อเป็นเรื่องส่วนรวม สิ่งมีชีวิตที่มีอะไรเหมือนกันจะรวมพลังกัน และใช้ทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้น และมนุษย์ก็คือสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวในโลกใบนี้ที่ทำให้คนที่มาจากคนละบ้าน เกิดจากคนละถิ่น การศึกษาต่างกัน สามารถร่วมมือกันได้โดยไม่ต้องเป็นญาติกัน คือ “ค่านิยม” หรือมีความเชื่อเหมือนกัน . . นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ทำให้เรา “ค้นพบ” กับคนที่พร้อมจะสู้กับปัญหาที่ถาโถมในองค์กรเรา และพยายามแก้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อนำเสนอวิธีแก้ปัญหาในเช้าวันจันทร์ หรือพบเจอกับบางคนที่ไม่มีใจและรอเวลาเลิกงานในเย็นวันศุกร์ก็เท่านั้น . . อาณาจักรจะไม่มีทางล่มสลายจากศัตรูจากภายนอก แต่จะล่มสลายในชั่วพริบตาถ้าเกิดจากความแตกแยกภายใน เมื่อสุขภาพแข็งแรงแล้ว จึงจะมีกำลังวังชา ความคิด มุมมองในการแก้ไขปัญหา แต่ถ้าป่วยไข้จากภายใน ปัจจัยภายนอกใดๆก็ก่อให้เกิดปัญหา หากไม่แก้ปัญหาภายในให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน อย่าเพิ่งไปคิดถึงการแก้ปัญหาภายนอกเลย . . บริษัทและองค์กรก็เช่นกัน . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP15 ต่อยอดจากการบรรยายของของคุณสรกล อดุลยานนท์ นักเขียนเจ้าของนามปากกา “หนุ่มเมืองจันท์” และพิธีกรรายการ “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ” จะมาเล่าถึงวิธีคิดเล็กๆ ที่จะช่วยยกระดับธุรกิจของเราให้มีเสน่ห์ ตามอัตราความเร็วที่เหมาะสมกับตัวเองและไม่มากจนเกินพอดี #Speaker #DNA4bySPU 9 March 2019 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal4 #EP14
รูปไม่เบลอ ถ้าความหมายชัดเจน . . ด้วยความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ทำให้กล้องของโทรศัพท์มีความคมชัดและมีรายละเอียดยิ่งขึ้นแทบจะไม่ด้อยกว่ากล้องถ่ายรูปของมืออาชีพเลย รวมไปถึงลูกเล่นต่างๆ ที่ผูกติดมาจากโรงงานโดยที่ไม่ต้องปรับแต่งใดๆ คนจึงนิยมการ “ถ่ายภาพด้วยมือถือ” มากขึ้น . . แม้ว่ากล้องของโทรศัพท์จะมีข้อแตกต่างจากกล้อง Mirrorless และ DSLR หลักๆ คือ ตัวเซนเซอร์ที่เล็กกว่า แต่ก็หาเป็นข้อจำกัดในการผลิตผลงานคุณภาพสูงไม่ เพราะมีแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมามากมายเพื่อชดเชยความสามารถนั้นและสร้างสีสันให้แก่การถ่ายภาพ . . เคล็ดลับของการผลิตผลงานที่ดี นอกจากจะต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ “ไอเดีย” หรือ “มุมมอง” ในการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาให้อยู่ในฟอร์มของภาพถ่าย เป็นการวางแผน จัดองค์ประกอบ เลือกจุดโฟกัส แต่หลายคนมักจะไม่ค่อยใส่ใจและให้เวลากับ “ช่วงเวลาก่อนจะกดชัตเตอร์” เท่าไหร่นัก ทั้งๆ ที่แทบจะเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายได้เลยว่าภาพนี้จะใช้ได้หรือไม่ . . ทุกวันนี้ท่านสามารถหาวัตถุดิบที่จะต่อยอดให้เป็นไอเดียได้มากมาย การที่ท่านค้นคว้าความรู้ใหม่ๆ ศึกษาวิธีการจัดแสงและองค์ประกอบงานจากศิลปินท่านอื่น ก็สามารถทำให้ท่านเกิดมุมมองและเรื่องราวใหม่ได้อยู่เสมอ . . ในแต่ละวันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย อาจเกิดบนสถานที่เดิมและอารมณ์เดิม แต่นักถ่ายภาพจะมองว่า “เป็นเรื่องธรรมดาที่พิเศษ” ดังนั้นการถ่ายภาพไม่ใช่แค่การบันทึกภาพไว้เท่านั้น แต่เป็นการบันทึกความทรงจำที่เกิดขึ้นในเวลานั้นให้อยู่ในรูปแบบของภาพถ่าย จึงไม่จำเป็นต้องมีเทคนิคหวือหวาอะไร เพียงแต่เน้นมุมมองและอารมณ์ของภาพก็น่าจะเพียงพอให้ภาพนั้นดูมีพลังแล้ว . . อีกหนึ่งสิ่งที่แยกช่างภาพมืออาชีพออกจากช่างภาพมือสมัครเล่นคือ “ความสามารถในการรอ” รอเวลา รอจังหวะ รอสถานการณ์ที่กำลังจะเกิด รอรูปให้ครบองค์ประกอบว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน ให้ทุกอย่างประกอบกันจนครบถ้วนเสียก่อน ค่อยกดชัตเตอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องยากเพราะธรรมชาติไม่ได้ออกแบบมนุษย์มาให้รอ แต่ออกแบบมาให้เคลื่อนไหว แต่ถ้าอดทนได้ก็จะคุ้มค่ากับการรอ . . การถ่ายภาพสไตล์มินิมอล Less is more น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี ได้รับความนิยมอย่างมากในโซเชียลมีเดีย ความเรียบง่ายและชัดเจนเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้กับทุกศาสตร์ ไม่ว่าการทำธุรกิจไปจนถึงการถ่ายภาพ และลึกๆ แล้วการถ่ายภาพแนวนี้ไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรมาก ใช้เพียงแค่มุมมองที่แหลมคม และการจัดองค์ประกอบภาพที่สมบูรณ์ จึงเหมาะกับการถ่ายด้วยสมาร์ทโฟน . . การถ่ายภาพจากมุมเสยขึ้นและกดลงก็เป็นอีกหนึ่งมุมมองที่จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ เพราะรูปถ่ายของท่านส่วนใหญ่ในสมาร์ทโฟน มักจะเป็นภาพที่ถ่ายในระดับอก ดังนั้นหากมีมุมที่แปลกตาก็จะทำให้ภาพดูสะดุดตาขึ้น . . กำหนดจุดโฟกัสให้อยู่ในจุดตัดเก้าช่อง “ตามทฤษฎีของปีกาโทรัส” นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกที่พบอัตราส่วนที่ดีที่สุดในการวางจุดสนใจ จะทำให้ภาพรวมมีความสมดุลขึ้น . . การถ่ายโคลสอัพเพื่อดึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ออกมา เป็นวิธีการที่ใช้ได้ดีกับการถ่ายถาพบุคคล เพราะจะทำให้สามารถจับสีหน้าและดวงตาที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ รวมทั้งยังสามารถใช้วิธีการนี้ในการบันทึกภาพสัตว์เลี้ยงตัวน้อยได้อีกด้วย . . สิ่งสำคัญที่ต้องมีนอกเหนือจากทักษะด้านอุปกรณ์และการจัดองค์ประกอบภาพ ก็คือ “สัญชาตญาณ” ของความเป็นนักบันทึกภาพ เพื่อเก็บภาพ เรื่องราวและอารมณ์ของสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างทันท่วงที . . ที่สำคัญที่สุด จงรู้สึกสนุกกับการถ่ายภาพ เพราะถ้าผู้สร้างผลงานรู้สึกสนุก อารมณ์ของงานจะออกมาสนุก แต่ถ้าผู้สร้างไม่ได้สร้างผลงานด้วยความสนุก ถึงแม้จะเต็มไปด้วยเทคนิคชั้นเลิศแต่ก็คงไร้ซึ่งความน่าจดจำ . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP14 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณสิรภพ วรรณทอง ช่างภาพมืออาชีพ และ Founder at GolfSirapop Photo มาช่วยอธิบายถึงขั้นตอนการถ่ายภาพสินค้าที่ยอดเยี่ยมด้วยสมาร์ทโฟน โดยไม่ต้องพึ่งกล้องราคาแพงและอุปกรณ์ที่เกินความจำเป็น #Speaker #DNA4bySPU 2 March 2019 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal4 #EP13 X-commerce ระบบขายหลายช่องทางในหน้าจอเดียว . . การเติบโตของ E-commerce ในประเทศไทยเป็นไปอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสื่อสารที่สร้างความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย สามารถทำการค้าได้ง่ายขึ้น โดยแทบจะไม่ต้องผ่านตัวกลางเหมือนสมัยก่อน . . ในด้านของผู้ขายนั้นการขายสินค้าผ่านออนไลน์เป็นช่องทางที่ประหยัดต้นทุนที่สุด ไม่ต้องลงทุนเช่าหน้าร้าน ตกแต่งพื้นที่ ไม่ต้องใช้พนักงานมากมายหลายคน รวมไปถึงสามารถทำการค้าขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย ในขณะที่ผู้ซื้อ ก็สามารถเลือกสินค้าได้หลากหลายและไม่ต้องเดินทางไปตระเวนหาสินค้า การจ่ายเงินผ่านระบบ E-payment ก็สะดวกสบาย รวมถึงการขนส่งที่พัฒนาไปจนถึงขั้นสั่งสินค้าวันนี้แล้วพรุ่งนี้ได้รับ . . อีกทั้งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตต่อวันสูงที่สุดในโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีผู้เล่นหน้าใหม่จากต่างประเทศที่มีทุนมหาศาลเข้ามาแข่งขัน . . แต่ E-commerce นั้นไม่ได้หมายความถึงการขายสินค้าผ่าน Platform เช่น Lazada และ Shopee เพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงการซื้อขายผ่านระบบโซเชียลมีเดีย (S-commerce) เช่น Facebook Instragram Line และการขายผ่าน website ตัวเองด้วย . . การขายสินค้าผ่านหลายช่องทางก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็สร้างความปวดหัวให้ผู้ประกอบการไม่น้อย เพราะไม่รู้จะจัดการอย่างไรให้มีระเบียบที่สุด เช่น บางครั้งต้องมีการพลาดออเดอร์ไปเพราะเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะล็อคอินได้ทุก Platform และสแตนบายเตรียมตอบคำถามอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเวลาตรวจสต๊อกสินค้า ทำให้สินค้าหมดและพลาดโอกาสในการขายอย่างต่อเนื่อง . . ระบบ X-commerce จึงถูกพัฒนามาเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการการขายสินค้าผ่าน Platform ต่างๆ ได้ในหนึ่งเดียว ไม่ใช่การรวม Platform ในการขายไว้ที่เดียวเพื่อเพิ่มช่องทางการขายเท่านั้น แต่ยังรวมองค์ประกอบต่างๆของ E-commerce ไว้ด้วย เช่น เชื่อมต่อกับระบบแพ็คของเพื่อป้องกันปัญหาจุกจิกอย่าง ส่งเกิน ส่งขาด คิดเงินพลาด เขียนที่อยู่ผิด และตามของลูกค้าจากบริการขนส่ง ช่วยจัดการสต๊อกแบบ Real time และมีรายงานสรุปความเคลื่อนไหวว่าสินค้าตัวไหนขายดี สินค้าตัวไหนควรทำ Promotion . . ว่าง่ายๆ X-Commerce ก็คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อจัดการการขายในหน้าจอเดียว ซึ่งประเทศจีนเป็นศูนย์กลางของระบบที่จะมาปฎิวัติการขายนี้ เพราะ Platform ในประเทศจีนมีมากกว่า 200 Platform โซเชียลมีเดียในจีนมีมากมายหลายเจ้า รวมไปถึงระบบการจ่ายเงินและผู้ประกอบการด้านขนส่งมีมากหน้าหลายตาจนนับไม่ไหว จึงต้องการระบบที่ช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการสินค้าออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น . . เดิม X-commerce เป็นโซลูชั่นส์ที่ทาง Amazon คิดขึ้นมา แต่ไม่ได้ทำต่อเพราะการขายสินค้าออนไลน์ในฝั่งตะวันออก แม้จะยุ่งยากแต่ก็ยังพอจัดการได้ ไม่เหมือนกับฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะในแถบเอเชีย Alibaba Toaboa และ Tmall จึงเอาโปรเจคนี้มาสานต่อและใช้จริง ชึ่งได้ผลดีเสียด้วย . . หลังจากนี้ Alibaba Group มีแผนที่จะส่งออกโซลูชั่นส์นี้ไปยังประเทศแถบเอเซียแปซิฟิคที่มีตลาด E-commerce ขนาดใหญ่เช่นอินเดียและอินโดนีเซีย แต่สำหรับประเทศไทยทาง Alibaba ขอดูท่าทีก่อน เพราะถึงแม้ตลาดจะมีขนาดใหญ่ แต่มีผู้ประกอบการอยู่ไม่กี่เจ้า โซลูชั่นส์นี้จึงอาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่าใดนัก . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP13 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณณัฐพร วุ่นกลิ่นหอม อดีตรองประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการและเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจออนไลน์ กลุ่มบริษัท เซ็นทรัลกรุ๊ป กูรูตลาดออนไลน์ ที่จะมาแนะนำวิธีการเข้าสู่ตลาดออนไลน์และเคล็ดลับที่ต้องรู้เพื่อทำธุรกิจ “ให้ปัง” และ “เข้าเป้า” เอาชนะคู่แข่งอื่นๆ #Speaker #DNA4bySPU 2 March 2019 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal4 #EP12 Know heart Know world เริ่มต้นด้วยหัวใจ ทำอะไรก็ดี . . “I think self-awareness is probably the most important thing toward being a champion” (การรู้จักตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นยอดคน) - Billie Jean King อดีตนักเทนนิสหญิงอันดับ 1 ของโลก ผู้ชนะการแข่งขันเทนนิสแกรนด์แสลมทั้งสิ้น 39 ครั้ง . . ตั้งแต่วินาทีพวกเราทุกคนเกิดมา พวกเราเกิดมาพร้อมสิทธิพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ “อิสรเสรีภาพที่จะเลือกทางเดินของชีวิต” ดังนั้นคนที่มีความหวัง มองไปข้างหน้าและต้องการความก้าวหน้าในชีวิต ควรกำหนดจุดมุ่งหมายปลายทางชีวิตตนให้ชัดเจน เพื่อจะได้พิจารณาว่าจะนำตนไปสู่จุดมุ่งหมายในชีวิตได้อย่างไร? . . เนื่องจากสภาพแวดล้อมและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่อยู่แทบจะตลอดเวลา จึงมีคนรุ่นใหม่ที่ชาญฉลาดและเข้าใจความเป็นไปของโลกเกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอ เขาเก่งกว่าเรา ภายใต้ต้นทุนและเวลาที่น้อยกว่าเรา ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องรู้ที่ทางของตนเอง เพื่อพัฒนาตนเองให้ทิ้งระยะห่างจากคู่แข่งรายใหม่ . . สิ่งที่คนทั้งโลกกำลังมองหา คือ Self-awareness หรือ “การรู้จักตนเอง” หลายคนโชคดีพบกับคำตอบนี้ในช่วงเริ่มต้นของการทำงาน ทำให้เขาก้าวหน้าไปได้ไกลในช่วงแรกของชีวิต บางคนค้นพบตอนบั้นปลายชีวิต แต่ที่แย่กว่าคือบางคนใช้ทั้งชีวิตก็ยังไม่เจอคำตอบ . . “การรู้จักตัวเอง” ฟังเหมือนเป็นเรื่องเบสิคง่ายๆ ที่ไม่มีอะไรมาก แต่ท่านเคยถามตัวเองไหมว่า ตัวตนที่เป็นอยู่ใช่ตัวท่านจริงๆ หรือเป็นแค่ภาพลวงตาที่ท่านสร้างขึ้นเพื่อเรียกร้องการยอมรับกันแน่? แล้วตัวตนแบบไหนกันล่ะที่จะเรียกว่าเป็นตนเองอย่างแท้จริง? . . เราจึงจำเป็นต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือบางอย่าง เป็นกรอบความคิดตัวช่วยเพื่อให้ท่านค้นหาคำตอบได้ง่ายขึ้น เป็นทฤษฎีที่นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน 2 คน Joseph Luft และ Harry Ingham เฝ้าสังเกตพฤติกรรมนุษย์ จนเกิดเป็น “ทฤษฎีหน้าต่างของโจฮารี่” (The Johari’s Window Theory) ทฤษฎีที่บอกว่าคนทุกคนจะนำเสนอตัวตนใน 4 รูปแบบ ดังนี้ . . 1. Open self : ตัวตนส่วนที่เรารู้จักตัวเองดี รู้ว่าตัวเองคิดอะไร มีศักยภาพอะไร รู้สึกอย่างไร และเปิดเผยให้คนอื่นรับรู้ตัวตนของเราอย่างตรงไปตรงมา . . 2. Blind self : ตัวตนส่วนนี้คนอื่นรอบตัวสัมผัสรับรู้ แต่ตัวเราเองกลับไม่รู้ว่าเรามีพฤติกรรมหรือความสามารถส่วนนี้อยู่ เช่น เพื่อนๆ และคนรอบช้างชมอยู่เสมอว่า ตนเองมีภาวะผู้นำ แต่เรามักจะคิดอยู่เสมอว่าเราไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำเสียเลย . . 3.Hidden self : ตัวตนที่เรารู้แต่เพียงผู้เดียว คนอื่นไม่เคยรู้มาก่อน และรู้สึกอายที่จะให้คนอื่นรู้ เพราะเราซ่อนสิ่งนี้ไว้เป็นความลับส่วนตัว เช่น ชื่นชอบเล่นดนตรีแต่ไม่อยากเล่นให้ใครฟัง โปรดปรานการวาดรูปแต่ไม่อยากเปิดผลงานให้คนอื่นชม เป็นต้น . . 4. Unknown self : มีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “องค์ลง” เป็นสิ่งที่ไม่มีใครค้นพบ คนรอบตัวก็ไม่รู้ ตัวเราเองยิ่งไม่รู้ใหญ่ ว่าเรามีความสามารถหรือทักษะประเภทนี้ด้วย ซึ่งตัวตนส่วนนี้มักจะปรากฏในเงื่อนไขหรือสถานการณ์บางอย่าง เช่น เมื่อเพื่อนมาเล่าให้ฟังเรื่องธุรกิจ แต่ท่านกลับให้คำแนะนำเรื่องแนวการทำธุรกิจได้อย่างเฉียบคม ทั้งๆ ที่ท่านไม่รู้ว่าแนะนำเขาไปได้อย่างไร? . . จะเห็นได้ว่าเราทุกคนรู้จักตัวเองแค่ครึ่งเดียว คือ ส่วน Open Self และ Hidden Self อีกสองส่วน คือ Blind self กับ Unknown self คือสิ่งที่เราไม่รู้ว่ามี ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการค้นพบ Blind self กับ Unknown self ก็คือต้องใจกว้าง ยอมรับข้อบกพร่องและคำวิพากษ์ โดยปราศจากอคติ และย้อนสำรวจตัวเองว่าสิ่งที่คนอื่นพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ? . . โสกราติส นักปราชญ์ชาวกรีกกล่าวว่า “ชีวิตที่ไม่ได้ตรวจสอบ เป็นชีวิตที่ไร้ค่า” การรู้จักตนเองจึงเป็นรากฐานแห่งการนำชีวิตไปสู่จุดมุ่งหมายได้อย่างราบเรียบ ดังนั้นเมื่อท่านค้นพบตัวตนทั้ง 4 ด้าน ท่านจะค้นพบว่า ท่านควรจะ “ตัด” อะไรออกไป เพื่อให้ท่านตัวเบาเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น และเชื่อม “ต่อ” เข้ากับใครหรือทักษะใดที่จะนำพาให้ท่านไปสู่จุดที่ท่านอยากอยู่หรือเป้าหมายที่ท่านวางไว้ . . แต่ชีวิตไม่ได้มีด้านเดียว ไม่ใช่จะเด่นเรื่องเดียวคือเรื่องการงาน แต่ชีวิตครอบครัวกลับเป็นผู้แพ้ หรือได้รับรางวัลสังคมมากมาย แต่ร่างกายอ่อนแอไปไหนไม่ได้ เพราะชีวิตที่มีความสุขแต่ไร้ซึ่งสมดุลก็คงเรียกว่าประสบความสำเร็จได้อย่างไม่เต็มปาก . . ดังนั้นอย่าลืม “สมดุลชีวิต” เพราะเป็นภารกิจในชีวิตของเรา . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP.12 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ EDITOR-IN-CHIEF THESTANDARD.CO มานำเสนอโมเดลที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ที่ได้ชี้นำไปสู่ระบบความคิดที่ยิ่งใหญ่และควรค่าแก่การเรียนรู้ในการบริหารจัดการสื่อในยุคใหม่เพื่อการทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ. #Speaker #DNA4bySPU 2 March 2019 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง #DNAjournal4 #EP11
Small is beautiful “การบริการ” เรื่องเล็กๆ ที่สวยงาม . . ท่านเคยสงสัยไหมว่า ทำไมร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้า และร้านกาแฟในโรงแรม 5 ดาว ถึงขายของได้ราคาต่างกัน 3-4 เท่า ทั้งๆ ที่ใช้วัตถุดิบเดียวกัน เมล็ดกาแฟพันธุ์เดียวกัน กรรมวิธีรังสรรค์รสชาติก็คล้ายกัน ถ้าคิดในแง่เศรษฐศาสตร์แล้วราคาน่าจะต่างกันไม่ถึง 5 % แต่ทำไมคนยอมจ่ายส่วนต่างที่แพงกว่าด้วยความยินดี คำตอบคือเพราะการ “บริการ” . . คำว่า “การบริการ” (Service) นั้นได้ถูกตีความถ่ายทอดในหลายมุมมอง ถ้าเป็นภาษาวิชาการ การบริการก็คือสหวิทยาการที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบชุดประสบการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งของที่จับต้องได้ เช่น อุปกรณ์ตกแต่ง เก้าอี้ ไปจนถึงของที่จับต้องไม่ได้ เช่น กลิ่นหอม บรรยากาศ และรอยยิ้มของพนักงาน . . ผู้เชี่ยวชาญที่มาจากแต่ละสายงานอาจมีมุมมองต่อคำว่า “บริการ” แตกต่างกันไป ตามสาขาวิชาชีพและประสบการณ์ของแต่ละท่าน แต่ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ “อะไรก็ได้ที่ทำให้คนรับประทับใจ” เพราะโดยแท้จริงแล้วมนุษย์เป็นสัตว์ที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ไม่ใช่เหตุผล ดังนั้นถ้ามีผู้ประกอบการรายใดสามารถเข้าถึงสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์และจิตวิญญาณได้ ราคาก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะถ้าถูกใจเมื่อไหร่ จะไม่มีคำว่าแพง . . คำว่า “บริการ” นั้นไม่ได้ใช้แค่ศาสตร์และศิลปะแขนงใดแขนงหนึ่ง แต่คือการใช้ทักษะหลายด้านประกอบกันเป็นองค์รวม เพื่อให้ผู้มาใช้บริการหรือลูกค้าประทับใจและกลับมาใช้จ่ายเงินที่เราในอนาคต . . แม้ว่าในโลกใบนี้จะมีการบริการเกิดขึ้นอย่างยาวนานและหลายรูปแบบ แต่ผู้ประกอบการส่วนมากเข้าใจว่าการบริการจะไปอยู่ในส่วน “หลังการซื้อขาย” เสียมากกว่า เช่น Call center บัตรสะสมแต้ม ระบบตอบคำถามสมาชิก เป็นต้น ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและสมาชิก ว่าง่ายๆคือการบริการมักจะเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเสียมากกว่า . . แต่ในมุมมองของผู้บริโภคหรือผู้ซื้อนั้น “การบริการ” ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราเดินเข้าร้านกาแฟร้านนี้ ไม่ใช่ร้านโน้น ฝากเงินกับธนาคารสีนี้ ไม่ใช่สีนั้น เลือกพักกับโรงแรมที่คุ้นเคย ไม่ใช่โรงแรมใหม่ที่เพิ่งสร้าง แม้ว่าเราจะเดินไกลขึ้นอีกนิด ลำบากขึ้นอีกหน่อย และบางครั้งราคาก็อาจจะแพงกว่า แต่เรายินดียอมจ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับการบริการที่ดีขึ้น . . การบริการไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในแวดวงผู้ประกอบการที่ขายบริการที่จับต้องไม่ได้ (Intangible) เช่น ร้านค้าปลีกหรือร้านอาหารอย่างเดียว แต่หมายรวมถึง ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าที่สามารถจับต้องได้ด้วย ดังนั้นการบริการไม่ได้มีเพื่อเป็นแผนโต้ตอบกับลูกค้า ที่มีจุดประสงค์เพื่อบรรเทาปัญหาและป้องกันลูกค้าหนีเสมอไป แต่สามารถใช้เป็นอาวุธในการหาลูกค้าใหม่ได้ด้วย . . การบริการแน่นอนว่าต้องลงทุนด้วยเม็ดเงินที่สูง ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก เช่น โรงแรม 5 ดาวที่จะต้องรีโนเวทห้องพักใหม่ทุก 2 ปี เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ไม่จำเจ ร้านค้าที่เช่าพื้นที่ห้างสรรพสินค้าระดับบนต้องตกแต่งร้านใหม่ทุก 5 ปี เพื่อให้สภาพแวดล้อมในร้านทันสมัย . . แต่วัสดุราคาแพงหรือการตกแต่งอย่างดี ไม่ใช่บ่อเกิดของการบริการที่ดีเสมอไป สิ่งที่จะสร้างการบริการที่ดีจะเริ่มต้นที่ “ความใส่ใจ” . . มีหลายกรณีที่ผู้ประกอบการเหนื่อยขึ้นหรือมีต้นทุนในการบริการเพิ่มขึ้นแค่ 1 % แต่กลับได้ผลตอบแทนเป็น 100 % ยกตัวอย่างเช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ต้องถอดรองเท้าเพื่อเข้าไปทานในร้าน หลังจากทานเสร็จแล้วพนักงานในร้านจะกลับหัวรองเท้าให้เราสามารถสวมใส่ได้ง่าย จะเห็นได้ว่าพนักงานออกแรงและใช้เวลาเพิ่มแค่ 1 % แต่กลับได้ใจเราไป 100 % . . ดังนั้นอยากจะเชิญชวนให้ท่านลองมองหาว่าอีก 1 % ที่หายไปในธุรกิจท่านคืออะไร ? และท่านสามารถทำให้ดีขึ้นอีกนิดได้หรือไม่ เพื่อทำให้ลูกค้าเดินจากท่านไปอย่างประทับใจไม่รู้ลืม และจะกลับมาหาท่านอีกครั้งในโอกาสต่อไป . . เพราะเมื่อท่านรักลูกค้า ลูกค้าก็จะรักท่านเช่นกัน . . #itsyouYOU . . หมายเหตุ 1. #DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลการบรรยายของ Speaker ในหลักสูตร #DNAbySPU 2. ข้อมูล EP11 ต่อยอดจากการบรรยายของคุณกนกวรรณ กรรณิกา นักเรียน DNA รุ่นที่ 3 ที่จะมาทำให้เราเข้าใจวิธีการให้บริการที่ประทับใจในหัวข้อ "Service Marketing การตลาดให้ลูกค้ารัก". . #Speaker #DNA4bySPU 23 February 2019 . . จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU www.DNAbySPU.com ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง |
DNAbySPUหลักสูตรพัฒนาพันธุกรรม Archives
June 2019
Categories |